กลางคืนดูดาว…เช้าดูหมอก | พุเตย-ยอดเขาเทวดา

หลายคนถามว่า “หน้าฝนเที่ยวไหนดี?” บอกเลยว่ามีที่เที่ยวที่รอให้เราไปสัมผัสอีกมากมาย และเราก็มีอยู่หนึ่งสถานที่มาแนะนำ พิเศษมาก ตรงที่เดินทางไม่ไกล เดินทางไม่ยาก แต่แค่ได้ไปก็ฟินโคตรๆ มีจุดกางเต็นท์ที่บรรยากาศโคตรดี และมีจุดชมวิว ชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดอีกที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ ใครมาที่นี่เรียกว่าได้ครบ

“กลางคืนดูดาว…เช้าดูหมอก” รอช้าอยู่ทำไม

#ไปเริ่มกันเลย

ทริปนี้เป็นทริปล่าหมอกอีกแล้ว โดยมีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 4 คน

ทริปนี้เรามีเป้าหมายว่าอยากไปนอนฟินๆ ดูทะเลหมอกสวยๆ ใกล้ๆ กรุงเทพฯ 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้และขอแบบค่าใช้จ่ายไม่เยอะ ได้โจทย์มาเราก็หาข้อมูลว่าจะไปไหน แล้วหวยก็ไปออกที่ “อุทยานแห่งชาติพุเตย” จังหวัดสุพรรณบุรี ที่นี่มีจุดกางเต็นท์ที่บรรยากาศดี และมีจุดชมทะเลหมอกที่ใครไปแล้วต้องฟินกลับมาแน่ๆ สรุปที่ว่ามา เราจะกางเต็นท์กันที่ “หน่วยพิทักษ์อุทยานที่3 ตะเพินคี่”

และเราจะเดินขึ้น “ยอดเขาเทวดา” ไปดูทะเลหมอกกันตอนเช้า

 

จากนั้นเราก็หาวิธีการเดินทางไปจุดกางเต็นท์กัน ซึ่งรถที่จะไปจุดกางเต็นท์ตะเพินคี่ได้ ต้องเป็นรถกระบะหรือโฟวิล รถเก๋งขึ้นไปยาก(ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝนก็ยิ่งยากเข้าไปอีก) เราจึงโทรสอบถามที่อุทยานแห่งชาติพุเตย สรุปว่ามีรถของทางอุทยานพาขึ้นได้ มีค่าใช้จ่าย ไป-กลับ 2,000 บาท(นั่งได้ไม่ได้เกิน 10 คน) เราก็จัดการจองเรียบร้อย พอมาถึงอุทยานแห่งชาติพุเตย(จุดหลัก) ก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทำการจ่ายเงินค่ากางเต็นท์ ค่าเข้าอุทยาน ค่ารถที่เราเหมาขึ้นไป

จากนั้นก็จอดรถเราไว้ในอุทยานแล้วขนของขึ้นรถออกเดินทางการ รอบนี้ใช้รถกระบะขึ้นไป(แนะนำให้ขึ้นไปจุดกางเต็นท์ประมาณบ่าย 3 โมงเย็น) เพราะทางไม่ลื่น ฝนไม่ตก แต่ถ้าถนนลื่นโฟวิลน่าจะเหมาะกว่า(นักท่องเที่ยวที่มีรถ สามรถขับขึ้นเองได้ แต่ถ้าขับไม่เก่ง ไม่ชำนาญทาง ไม่แนะนำให้ขับขึ้นไปนะครับ)

ระหว่างทางบริเวณจุดชมวิวจุดที่ 2 ก่อนถึงจุดกางเต็นท์ ก็เต็มไปด้วยหมอกที่ฟุ้งเต็มถนน แทบหมอกอะไรไม่เห็น เพราะตอนเที่ยงๆ ฝนพึ่งตกไป แค่ระหว่างทางยังโคตรฟินเลย เห็นหมอกกันก็ใจชื่น ตื่นเต็นสุดๆ 555 เราแวะจุดชมวิวที่ 2 ถ่ายรูปดูวิวกัน จากตรงนี้ประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึงจุดกางเต็นท์

มาถึงจุดกางเต็นท์ประมาณ4 โมงเย็นนิดๆ ใช้เวลาเดินทางมาจากจุดอุทยานที่เราจอดรถติดต่อเราประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยระยะทางคร่าว 23 กิโลเมตร มีถนนลาดยาง 10

กิโลเมตร และถนนลูกรัง 13 กิโลเมตรโดยประมาณ(ถนนนี้ถ้าฝนตกละโคตรลื่น)

ถึงแล้วเราก็ไม่รอช้า เริ่มกันเลยครับ หาจุดเหมาะๆ วิวดี ใกล้ห้องน้ำ สะดวกๆ ระหว่างกางเต็นท์เราก็ตื่นเต้นกับทะเลหมอกที่อยู่ตรงหน้า หมอกตอนเย็นมันฟินมากกกกก กางเสร็จฝนก็เริ่มมา แต่ก็ตกไม่แรง ตกได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็หยุด

เย็นแล้วเราก็มานั่งกินข้าวชมหมอกกับบรรยากาศตอนเย็นกัน นี่ถ้ามีหมูกะทะร้อนๆ นั่งกินจะดีมาก555+ แต่รีบไง อยากมาดูหมอกอย่างเดียวเลยไม่ได้ห่วงเรื่องกิน พวกเราเลยซื้ออาหารตามสั่งใส่ถุงไปกินกันเอาแบบพออิ่ม แต่ก็อิ่มจริงๆ

กินเสร็จก็อาบน้ำ เตรียมตัวนอนดูหมอก และคอยฟ้าเปิดนั่งนับดาว ห้องน้ำที่นี่โอเคน้ำใสไหลเย็นมาก ตรงห้องน้ำมีไฟให้ตลอด

ตรงจุดกางเต็นท์ก็มีสปอร์ตไลท์ส่องทั้งคืน อาบเสร็จก็นอนยาวววว รู้สึกตัวก็ตื่นมาอีกทีประมาณตี 4 กว่าๆ เชื่อไหมว่า พอออกมานอกเต็นเท่านั้นแหละ เห็นทางช้างเผือกใหญ่มากและใกล้มาก คือมองด้วยตาเปล่าได้เลย มันสวยมาก นี่ถ่ายเก็บมาให้ดูด้วย แต่ไม่สวยเท่าของจริง555 (ถ่ายยังไม่เป็น)

หลังจากถ่ายดาวเสร็จเรามีนัดกันว่าจะไปพิชิต “ยอดเขาเทวดา”

เพื่อดูทะเลหมอก เตรียมตัวเตรียมของให้พร้อม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินขึ้นเขา น้ำดื่ม(อย่างน้อยคนละ 1 ขวด) ขนมหรืออาหาร(เอาที่พกง่ายอิ่มท้องและน้ำหนักเบา กินง่าย แนะนำขนมปังและนมข้นซักหลอด) เครื่องช่วยหายใจหรือยาดมนั่นเอง555+ ไฟฉาย และยาพ่นแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบอกเลยว่าจำเป็นจริงๆ เพราะทางเดินทั้งชันระยะทางก็ไกลถ้าไม่พกมาด้วยนี่บอกเลยว่าร้าวไปทั้งขาแน่ๆ ตั้งแต่ข้อเท้า น่อง หัวเข่า ไปจนถึงต้นขา โดยรอบนี้เราได้ ยูนิเรนสเปรย์

เพื่อนแนะนำมาเลยซื้อมาลองใช้ ขวดเล็กพกพาง่ายดีตรงเป็นสเปรย์ด้วยทำให้ใช้ง่ายได้ผลเร็วเพราะตัวยาซึมซับไว เวลาเราปวดตรงไหน แค่เราหยิบขึ้นมาฉีดพ่นบริเวณที่ปวดหรือมีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ซักพักก็รู้สึกเย็นและอาการจะค่อยๆ เบาลง

นี่ตอนขึ้นไป รู้สึกว่าปวดน่องขามาก ก็ฉีดยูนิเรนสเปรย์แล้วนั่งพักซักครู่ แล้วเดินต่อได้เลย บอกเลยว่าตัวนี้เหมาะกับสายเที่ยวแบ็คแพ็คลุยๆ ใครสนใจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเลยครับ

มาต่อกันที่การปีนเขาไปดูหมอกที่ “ยอดเขาเทวดา” ต่อ เราออกเดินทางจากจุดกางเต็นท์ประมาณตี 4 ครึ่ง โดยมีรถเจ้าหน้าที่พาไปส่งที่ตีนเขาและเราต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 800 เมตร บอกเลยทางเดินขึ้นไปก็ไม่ยากไม่ง่าย ทางเดินเป็นบันไดดินที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ แรกๆ ก็เดินสบาย

พอประมาณ 500 เมตรสุดท้ายเริ่มชัน และ 300 เมตรสุดท้ายชันและลื่นมาก555+

ตรงนี้เริ่มมีเชือกให้เราเกาะ ยึด โหน แบกตัวเราขึ้นไป แต่ถ้าใครมาเวลาประมาณนี้ก็จะดี เพราะไม่ร้อนอากาศดี เย็นๆ เดินขึ้นไป 200 เมตรสุดท้าย เราเริ่มเจอหมอก ฟุ้งเต็มพื้นที่ไปหมด เหมือนเราเดินเข้าไปในหมอก

ระหว่างนี้บอกเลยพักตลอด ยิ่งใกล้ถึง ขายิ่งปวดร้าว(นานๆ ทีได้ปีนเขา) ก็ได้ตัวช่วยเป็นยูนิเรนสเปรย์นี่แหละ ที่พ่นแก้ปวดตลอดทาง ไม่งั้นคงเดินไม่ไหวตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว

ในที่สุดเราก็ขึ้นมาถึง “ยอดเขาเทวดา” จนได้

เดินขึ้นมาสิ่งแรกที่เจอคือเจดีย์สีทองตั้งอยู่บอกยอดเขา มีระฆัง(เคาะเอาฤกษเอาชัยก่อน)

ไหว้พระเสร็จ เราก็ไปฟินกับจุดชมวิวที่มีทะเลหมอกและหมอกที่เต็มไปหมด บอกเลยขึ้นมาอะเหนื่อยโคตรๆ แต่พอถึงข้างบนแล้วมันหายเหนื่อย คุ้มมากๆ และโคตรภูมิใจเลยที่ได้ขึ้นมา มันดีและสวยมากกกกก(ก.ไก่ล้านตัว)

เหมือนได้อยู่บนสวรรค์เลย เราใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที ในการเดินขึ้นเขา 800 เมตร ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูป ถ่ายรูป ถ่ายรูปรัวๆ ถ่ายทุกมุมเท่าที่จะถ่ายได้ ด้านบนมีป้าย 2 จุด

และระเบียงไม้ไผ่ที่ยื่นออกไป เอาไว้ให้เราได้ถ่ายรูป ถ่ายเสร็จก็ยืนมองความสวยแล้วก็ยิ้ม

วันที่เราขึ้นไปลมด้านบนค่อนข้างแรง ทำให้บางช่วงหมอกก็ฟุ้งขาวเต็มพื้นที่ไปหมด

และบางช่วงหมอกที่ฟุ้งก็หายไป ทำให้เห็นวิวด้านล่าง และเห็นหมอกที่อยู่ตามจุดต่างๆ ด้านบนยอดเขาสามารถมองเห็นจุดกางเต็นท์ตะเพินคี่หน่วยที่ 3 ที่เรากางเต็นท์ได้เลย

ด้านบนมีสัญญาณมือถือบางจุด เราใช้เวลาอยู่ด้านบน ทั้งพักเหนื่อย กินขนม ชมหมอกกันประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ พอเต็มอิ่มแล้วก็เริ่มเดินลงกัน ขาลงใช้เวลาไม่นานประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงพื้นราบแล้ว ไม่ได้พักเลย555+ แต่ตอนลงต้องระวังหน่อยเพราะมีบางช่วงชันและลื่น

ลงมาจากยอดเขาเทวดาแล้ว ยังไม่จบแค่นั้น เราไปกันต่อที่น้ำตกตะเพินคี่น้อย ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์และทางเดินขึ้นเขา

เราให้เจ้าหน้าที่ไปส่งบริเวณทางเข้า และเดินไปอีก 100-200 เมตรก็จะถึงน้ำตก

พอเห็นน้ำตกถึงกับต้องร้องว้าวววววว มันสวยและสูงจริงๆ

ถึงน้ำจะไม่มากและออกจะแดงๆ หน่อย(เพราะฝนตกเมื่อคืน) แต่มันโคตรดี

หามุมถ่ายรูปชิคๆ


แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถ ไปจุดกางเต็นท์ เก็บเต็นท์เก็บของขึ้นรถ เดินทางกลับไปยังอุทยานแห่งชาติพุเตย จุดหลักที่ติดต่อและจอดรถไว้ พอถึงเก็บของลง แล้วก็อาบน้ำกันที่นั้น แล้วก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน

ระหว่างทางแวะกินข้าวกันที่ร้านครัวม่วงเฒ่า บอกเลยร้านนี้เด็ด ให้เยอะ ราคาถูก กินไป 6 อย่าง หมดไป 880 บาท อิ่มจนต้องห่อกลับบ้าน555+

เป็นไงกันบ้าง บอกเลยว่าใครกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าฝน หาจุดกางเต็นท์บรรยากาศดีๆ คนไม่เยอะมาก หาจุดชมวิวชมทะเลหมอกสวยๆ โดยที่มีอะไรให้ท้าทายก่อนได้ดู ไม่ใช่แค่ขับรถแล้วไปยืนดู เดินทางไม่ไกล มีเวลา 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง ยิ่งรวมกลุ่มกันมายิ่งเสียน้อย มาเที่ยวกันเลย ที่นี่ “อุทยานแห่งชาติพุเตย-ยอดเขาเทวดา” เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดที่จะมาเที่ยว บอกเลยมันโคตรดี สำหรับคนหลงรักเขาและธรรมชาติ ถ้าอยากไป รออะไรกันอยู่ เก็บตังค์ วางแผนเตรียมตัวออกไปเที่ยวกันเลย #ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ 🙂

ปล.ตรงจุดกางเต็นท์ไม่มีสัญญาณมือถือเลย พอเข้าเขตอุทยานตั้งแต่ด้านล่างสัญญาณก็เริ่มไม่มีแล้ว

#รายละเอียดและค่าใช้จ่ายต่างๆ
+ เหมารถเจ้าหน้าที่ขึ้นไปกางเต็นท์ที่หน่วยที่ 3 ตะเพินคี่ ราคา 2,000 บาท ไป-กลับ (ขึ้นได้ไม่เกิน 10 คน) ใครไม่มีรถสามารถนั่งรถตู้ไปลงด่านช้างและสามารถให้รถเจ้าหน้าที่ไปรับได้ แต่ต้องคุยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก่อน
+ เบอร์โทรจองรถขึ้นและสอบถามรายละเอียดเจ้าหน้าที่ : 081-9342240
+ ค่ากางเต็นท์ เต็นท์ละ 30 บาท (เอาเต็นท์ไปเอง)
+ ค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท
+ สนใจ “Uniren Spray” : https://www.facebook.com/unirenspray/
+ แผนที่ “อุทยานแห่งชาติพุเตย” : https://goo.gl/maps/39i6vCtuDYy

……………………………………..

รีวิวบนเพจ : www.facebook.com/paikondieow/posts/503823879950718

รีวิวบนเพจ : www.facebook.com/pg/paikondieow/photos/?tab=album&album_id=482133002119806
…………………………………….
ใครเคยไปเที่ยวมาแล้ว มาแชร์รูป มาคอมเม้นคุยกันได้นะครับ:)
#ทะเลหมอก #อุทยานแห่งชาติพุเตย #พุเตย #ตะเพินคี่ #ยอดเขาเทวดา#สุพรรณบุรี #น้ำตกตะเพินคี่น้อย #เที่ยวใกล้กรุง #จุดกางเต็นท์ #หน้าฝนเที่ยวไหนดี #หน้าหนาวเที่ยวไหนดี #ยูนิเรนสเปรย์ #UnirenSpray #พกง่ายคลายปวด

……………………………………..

#ไปคนเดียวด้วยกันมั้ย? #ไปคนเดียว #ไปด้วยกัน

“เพราะเรา…อยากให้ทุกคนกล้าที่จะออกมาเที่ยวไปด้วยกัน” 🙂

แฟนเพจ : www.facebook.com/paikondieow/

Instagram : https://www.instagram.com/paikondieow/

[supsystic-gallery id=110]