#สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ #ดอยผาตั้ง #กิ่วแม่ปาน วันนี้แอดมินเฉพาะกิจ “แอดมินสายรุ้ง” มีประสบการณ์ที่ครั้งนึงมีโอกาสได้ร่วมทริปโครงการ ” เดินทางพ่อ : Walk of The King ไปเรียนรู้ เรื่องราวของพ่อ เรื่องราวที่พ่อทรงทำให้กับลูกๆประชาชนของพ่อ เราได้มาเรียนรู้ วิถีชีวิต“ชุมชนปกาเกอะญอ” (กะเหรี่ยง) แล้วสานต่อเรื่องราวของพ่อผ่านโครงการ ” เดินทางพ่อ เส้นทางอินทนนท์ ” “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์”เป็นหนึ่งใน ๓๘ โครงการหลวง ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพระดำหริให้จัดตั้งขึ้นเพราะทรงเห็นว่าราษฎรที่อาศัยบนพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงและเผ่าม้ง ได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ทำไร่เลื่อนลอย ปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และฝิ่น ส่งผลให้ป่าที่เคยสมบูรณ์กลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือชาวเขาเหล่านั้นให้มีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง และได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรแผนใหม่ ปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ด้วยการหันมาทำการเกษตรแบบถาวร โดยดำเนินงานวิจัยด้านไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผัก และไม้ผล แล้วถ่ายทอดผลงานวิจัยไปสู่การส่งเสริมให้เป็นรายได้ของครอบครัวเกษตรกรทั้งชาวกะเหรี่ยง และ ม้งในหมู่บ้านรอบๆ สถานีฯ พร้อมกับการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานพัฒนาด้านสังคมและการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธาร ครั้งนี้เราได้เรียนรู้เรื่องราวกาแฟต้นแรกของดอยอินทนนท์จากคุณตาพะโย่ ตาโร คุณตาพะโย่ ตาโร อดีตผู้ใหญ่บ้านหนองล่ม สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่เล่าว่า….สมัยหนุ่มๆตอนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้คอยรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เนื่องจากพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว ทำให้คุณตาพะโย่มีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวงอย่างใกล้ชิด เมื่อในหลวงเสด็จถึงบ้านหนองล่ม ทรงพบต้นกาแฟที่บ้านของคุณตาพะโย่ ทรงสนพระทัย ที่ต้นกาแฟสามารถปลูกที่นี่ได้ ทรงมีรับสั่งสอนให้มีการใส่ปุ๋ย และนำหญ้ามาใส่โคนต้น คุณตาพะโย่จึงได้ถวายเมล็ดกาแฟแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๑ เมล็ด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าเมล็ดกาแฟมีความสมบูรณ์ดี และปลูกในพื้นที่ได้จึงมีรับสั่งให้ส่งเสริมการปลูกกาแฟโดยใช้เมล็ดที่คุณตาพะโย่นำมาถวาย กลับคืนให้ชาวบ้านนำไปปลูกต่อ ต่อมาโครงการหลวงจึงได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกกาแฟ และนำวิธีการดูแลรักษาและเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม หลังจากวันนั้น ชาวปกาเกอะญอกว่า ๑๐ หมู่บ้านได้เลิกปลูกฝิ่น หยุดการตัดไม้ทำลายป่า หันมาปลูกกาแฟและพืชเมืองหนาว เช่น ท้อ บ๊วย และสาลี่ มีมูลนิธิโครงการหลวงคอยส่งเสริมและรับซื้อผลผลิต และกาแฟต้นแรกของพระองค์ที่ คุณตาพะโย่ ตาโร ปลูกไว้ ได้กลายเป็นต้นกาแฟตัวอย่างให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ที่มีต่อชาวเขาและราษฎรบนพื้นที่สูงนอกจากเราจะได้ฟังเรื่องราวจากคุณตา ในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ได้ดูความสวยงามของน้ำตกสิริภูมิสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากที่พัก เดินดูโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นส่วนจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ ที่ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมโดยทั่วไป เป็นพันธุ์ไม้ที่ต้องการได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ภายในโรงเรือนที่มีหลังคากันฝน เช่น กล้วยไม้, ฟิวเซีย , ปิโกเนีย, สับปะรดประดับ สวนกุหลาบพันปี เป็นส่วนจัดแสดง ๙ สายพันธุ์ โรงเพาะกล้าเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกร (NURSERY) จัดแสดงเทคโนโลยีการผลิตต้นกล้าที่ถูกต้องและเหมาะสมให้เกษตรกร อาทิเช่น เซเลอรี่ เฟนเนล มะเขือเทศโครงการหลวง ซุกินี่ เคพกูสเบอรี่ เสาวรส โรงผลิตพืชไร้ดิน (Hydroponics)เป็นส่วนจัดแสดงรวบรวมผักเมืองหนาวประเภทสลัด ปลูกโดยวิธีไร้ดิน เน้นผักสลัด ๕ ชนิด ของโครงการหลวง อาทิ ผักกาดหวาน กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ก บัตเตอร์เฮด ฟิลเล่ย์ไอส์เบริก โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงเฟิน เป็นส่วนจัดแสดงรวบรวมเฟินที่หายากชนิดต่างๆ ไว้มากมายหลายชนิด ทั้งของไทย และต่างประเทศ ซึ่งบางชนิดใกล้สูญพันธุ์แล้ว เป็นโรงจัดแสดงเฟินที่มีความสำคัญทางด้านพืชสวนและเศรษฐกิจ ซึ่งมีประมาณ ๕๐ สกุล ๒๐๐ กว่าชนิด และยังมีเฟินรัศมีโชติ ซึ่งเป็นเฟินประจำถิ่นของพื้นที่ ที่ได้รับพระราชทานนาม จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ) และสวน ๘๐ พรรษา เป็นส่วนจัดแสดงขึ้นเพื่อรองรับการศึกษาดูงานของผู้มีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับพรรณไม้ดอกเมืองหนาว โดยพรรณไม้ที่อยู่ในสวนเป็นการนำพรรณไม้ดอก ไม้ยืนต้น ที่ได้จากงานวิจัยของนักวิชาการ ที่นำออกมาสาธิต ในรูปแบบของการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด ได้กินอาหารของสโมสรศูนย์เกษตรหลวงดอยอินทนนท์ ที่นำผลผลิตวัตถุดิบในโครงการหลวงมาประกอบอาหารให้กินกนแบบสดๆแถมช่วยส่งเสริมการสร้างรายได้ชุมชนชาวไทยภูเขา ได้ไปกิ่วแม่ปาน ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ระยะการเดินทางประมาณ ๓ กิโลเมตร ความเหนื่อยของการเดินทางจะหายไป เมื่อขึ้นไปจนถึงทุ่งหญ้ากว้าง บรรยากาศที่เหมือนเราอยู่เหนือเมฆ หมอกบนจุดชมวิวที่หลายๆคนต้องไปถ่ายรูปกัน การขึ้นไปบนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน จะมีไกด์คนท้องถิ่นนำทางให้ คิดค่านำทางเพียง ๒๐๐ บาทคะ เป็นการกระจายรายได้ให้แก่คนในชุมชนค่ะ เราได้มีโอกาสได้นอนโฮมสเตย์บ้านผาหมอนของชุมชนปกาเกอะญอ ที่ลักษณะบ้านยังเป็นบ้านไม้ทรงสูงไว้ และข้างล่างมีไต้ถุนบ้านส่วนใหญ่เลี้ยงหมู ไก่ ไว้เกือบทุกบ้าน มีการใช้ฟืนในการทำอาหาร ปลูกพืชผัก ไว้สำหรับบริโภคทั้งปี เราได้ใกล้ชิดกับชาวปกาเกอะญอ มีความประทับใจความใส่ใจของคนที่นี่ เหมาะกับการหนีความวุ่นวายมากพักมากค่ะ พร้อมทั้งยังมีบริการอาหาร เช้า เย็น ที่เจ้าของบ้านได้เตรียมไว้ให้เรา ได้ไปฟาร์มแกะดอยผาตั้ง เป็นฟาร์มแกะที่อยู่ในการดูแลของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ซึ่งเป็นฟาร์มปิด ไม่ได้เลี้ยงแกะไว้เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม ป้อนหญ้าป้อนนมใส่ปากเหมือนฟาร์มแกะแห่งอื่น แกะที่นี่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นแกะเศรษฐกิจ ใช้ประโยชน์จาก เนื้อ นม และขนของพวกมันมาเป็นการสร้างรายได้ แต่ก็สามารถติดต่อขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เพื่อเข้าชมถ่ายรูปกับแกะอย่างใกล้ชิดได้ โชคดีตอนไปเป็นเวลาให้อาหารอาหาร และปล่อยมันออกมาวิ่งเล่นทำให้เราได้ใกล้ชิด ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่เราได้ไปเรียนรู้ เสี้ยวหนึ่งของโครงการทั้งหมดที่พ่อทรงทำไว้ให้กับประชาชนของพระองค์ สำหรับใครที่สนใจอยากไปเรียนรู้สามารถติดต่อไปที่หน่วยงานที่ดูแล”สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์”ได้ที่ www.royal-inthanon.com/About_us สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณโครงการดีๆ “ เดินทางพ่อ “(Walk Of The King)ที่ได้ให้โอกาสเราได้ร่วมทริปเดินทางไปในครั้งนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ และนำเมาแชร์ให้เพื่อนคนอื่น
………………………………………….
ติดตามเรื่องราวโครงการอื่นๆของพ่อ ได้ที่ —> www.facebook.com/walkoftheking/?fref=ts
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ได้ที่ —> www.royal-inthanon.com/About_us
อ้างอิงข้อมูล : www.royal-inthanon.com/About_us
………………………………………….
ใครเคยไปเที่ยวมาแล้ว มีอะไรมาแนะนำ มาแชร์มาคอมเม้นกันได้นะครับ:)
#เดินทางพ่อ #WalkOfTheKing #สานต่อที่พ่อทำ #ชีวิตพอเพียง #ทีมอินทนนท์ #เส้นทางอินทนนท์ #เชียงใหม่
………………………………………….
#ไปคนเดียวด้วยกันมั้ย? #ไปคนเดียว #ไปด้วยกัน
“เพราะเรา…อยากให้ทุกคนกล้าที่จะออกมาเที่ยวไปด้วยกัน” 🙂
แฟนเพจ : www.facebook.com/paikondieow/
Instagram : https://www.instagram.com/paikondieow/
[supsystic-gallery id=54]