Site icon ไปคนเดียว+

ญี่ปุ่นฤดูหนาว Sendai Winter Vivo S1 Pro x ไปคนเดียว+

ช่วงนี้เมืองไทยเริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศเย็นๆ บรรยากาศแบบนี้ทำให้อยากออกเที่ยวอีกแล้ว แล้ว “ญี่ปุ่น” ก็เป็นอีกสถานที่ ที่เราคิดถึงในช่วงฤดูหนาว คิดถึงหิมะขาวๆทริปนนี้แอดเดินทางไป “ญี่ปุ่น” เที่ยวเมือง”Sendai” กันเป็นช่วงที่หิมะเริ่มตกในหลายๆสถานที่แล้ว สวยมากๆ และทุกการเดินทางความสะดวกความคล่องตัวเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเดินทางในต่างประเทศ หรือในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ผู้คน ภาษา การเดินทาง โทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นในยุคปัจจุบัน ที่นอกจากจะใช้สำหรับการติดต่อสื่อสาร ทั้งโทร VDO call เล่นอินเตอร์เน็ต หาเส้นทาง หรือแม้แต่การถ่ายรูป กล้องในโทรศัพท์จึงเป็นเรื่องสำคัญ การมีโทรศัพท์ดีๆ สักเครื่องจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเราไม่ได้ไปในสถานที่เหล่านั้นได้บ่อยๆ และมือถือก็สะดวกพกพาง่าย หยิบขึ้นมาถ่ายตอนไหนก็ได้ และยิ่งกล้องดี มีโหมดถ่ายภาพได้หลายโหมด แต่ราคาย่อมเยา อย่าง “Vivo S1 Pro” ค่อนข้างที่จะตอบโจทย์ Vivo S1 Pro กล้อง 48MP AI Quad Camera มากับเลนส์ wide-angle เลนส์ macro และเลนส์ bokeh เซนเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว รูรับแสง f/1.8 ใช้งานง่าย เลือกโหมดแล้วถ่ายได้เลย อย่างโหมด Super Wide-Angle Camera ถ่ายภาพมุมกว้างได้ถึง 120 องศาเลย โหมด Selfie Front Light ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย โหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอ โหมด Super Macro ที่สามารถถ่ายใกล้ได้ถึง 4 เซนติเมตรเก็บรายละเอียดได้คมชัดมากๆ และโหมด Pro ที่เหมือนกับการใช้กล้องเลยปรับได้ตามใจ มาดูกันว่ามีโหมดอะไรน่าสนใจและทริปนี้ที่ “Sendai” มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง Aquarium Kamo พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับแมงกะพรุน

เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับแมงกะพรุน มีแมงกะพรุนเยอะมากๆ หลากหลายสายพันธุ์เล็กสุด และใหญ่สุด และแต่ละสายพันธุ์มีเยอะมากๆ การจัดแสดงค่อนข้างมืด แต่มีการส่องไฟหลากหลายสีสวยงามมาก และเราก็ได้ลองใช้ โหมดถ่ายในที่มืดของ Vivo S1 Pro ด้วย และนอกจากแมงกะพรุนแล้วยังมีการจัดแสดงปลา และแมวน้ำยักษ์อีกด้วย ค่าเข้าคนละ 1,000 เยน Zao Fox Village หมู่บ้านจิ้งจอก

หมู่บ้านจิ้งจอก อยู่ที่เมือง Fukushima ค่าเข้าคนละ 1,000 เยน ด้านในมี 3 โซน โซนแรกเป็นโซนจัดแสดงจิ้งจอกแต่ละสี แต่ละสายพันธุ์ แต่ละสี โซนที่ 2 เป็นโซนเลี้ยงแบบเปิด เป็นกรงใหญ่แต่จัดพื้นที่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ น้องๆ เยอะมากๆ แต่ช่วงนี้ฤดูหนาว อากาศหนาวน้องๆ ก็จะขดตัวกลมๆ เต็มเลย และโซนที่ 3 เป็นโซนของฝาก ของฝากน่ารักๆ เพียบ วัดยามาเดระ(Yamadera) Hojuzan Risshaku Temple

เป็นวัดเก่าแก่ วัดมี 2 ส่วน ด้านบนและ ด้านล่าง ด้านบนเขาสามารถมองเห็นวิวเมืองได้เกือบ 360 องศา การขึ้นไปด้านบนต้องเดินขึ้นบันไดไป ด้านบนมีศาลาชมวิวอีกด้วย ค่าเข้าชมวัดด้านบน คนละ 300 เยน บริเวณวัดด้านล่างไม่เสียค่าเข้าชม Sendai Asaichi Morning Market ตลาดปลา

เป็นตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีเซนได เป็นตลาดที่มีผักและผลไม้ให้เลือกเยอะมากๆ ส่วนอาหารทะเลสดๆจะอยู่ในโซนด้าน ส่วนผักและผลไม้หาซื้อได้ทั้งตรอกเลย เยอะมากๆ ลูกพลับ หัวไชเท้า กะหล่ำปลี ลูกใหญ่มากๆ ซูชิสดๆ คำโตๆ ราคาเป็นเงินไทยประมาณสองร้อยกว่าบาท ฟินมากไข่ปลาแซลมอนเน้น Vivo S1 Pro มีโหมดถ่ายรูปหน้าชัดหลังเบลอด้วยนะหรือจะถ่ายแบบใกล้ๆแบบ Super Macro ของ Vivo S1 Pro ก็สามารถถ่ายใกล้ได้ถึง 4 เซนติเมตรเลย Aoba Castle Honmaru Honkan

เป็นเหมือนจุดชมวิวของเมืองก็ว่าได้ เพราะจากจุดนี้สามารถมองเห็นเมืองเซนได ได้เกือบ 360 องศาเลยทีเดียว มีรูปปั้นของ ดาเตะ มาซามูเนะ ผู้ก่อตั้งเมืองเซนไดอยู่ด้วย และยังมีศาลเจ้า Miyagiken Gokoku shrine อยู่ด้วย การเดินทางมาที่นี่ สามารถนั่งรถบัส Loople Sendai มาลงได้เลย มีตั๋วแบบ One Day ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ หรือจะจ่ายเป็นเที่ยวก็ได้คนละ 260 เยน ศาลเจ้า Osaki Hachimangu Shrine

ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นโดยท่าน ดาเตะ มาซามูเนะ ผู้ก่อตั้งเมืองเซนได เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น การเข้าไปด้านในวัดต้องขึ้นบันได แต่ไม่เยอะ และไม่ชันมาก ศาลเจ้ามี 2 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามมากๆ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย การเดินทางมาที่นี่ สามารถนั่งรถบัส Loople Sendai มาลงได้เลย มีตั่วแบบ One Day ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ หรือจะจ่ายเป็นเที่ยวก็ได้คนละ 260 เยน นั่งมาลงที่ป้าย Osaki Hachimangu Shrine ได้เลย วัดรินโนจิ Rinnō-ji Temple

เป็นวัดที่มีสวนสวยมากๆ เป็นสวนสไตล์เซน มุมไฮไลท์คือการถ่ายรูปเจดีย์ 3 ชั้นกับบึงน้ำ การเข้าไหวพระชมวัดไม่เสียค่าเข้าชม แต่สวนด้านในมีค่าเข้าชมสวน คนละ 300 เยนIchibancho และ Clis Road

ถนนคนเดิน เป็นย่านช้อปปิ้งที่มีทั้งของกินของฝากให้เลือกเยอะมาก อยู่ไม่ไกลจากสถานี เซนได และ จุดจัดแสดงไฟ SENDAI Pageant of Starlight 2019 อีกด้วย วันธรรมดาร้านส่วนใหญ่ปิดประมาณ 2 ทุ่ม ส่วนวันเสาร์ร้านปิดประมาณ 3 ทุ่ม เป็นย่านช้อปปิ้งที่ยาวมากๆ และไม่ไกลจากสถานีเซนไดVivo S1 Pro ยังสามารถถ่ายรูปตอนกลางคืนได้ด้วย Vivo S1 Pro พอถ่ายด้วยโหมดมาโครหรือหน้าชัดหลังเบลอ ก็ทำให้ด้านหลังเป็นโบเก้ได เป็นทริปที่คุ้มค่ามากๆ ได้เจอทั้งหิมะหนาๆ บนพื้น และหิมะกำลังเริ่มตก ได้เจอกับน้องสุนัขจิ้งจอก ได้กินอาหารอร่อยๆ สดๆ ช้อปปิ้งของฝาก และ Vivo S1 Pro ก็ช่วยให้เราเก็บช่วงเวลาดีๆ ได้ทันในทุกๆ ช่วงเวลา ได้ลองใช้หลายๆโหมด หลายฟังชั่น ทั้งหน้าชัดหลังเบลอ ภาพมุมกว้าง เลนส์ Macro Selfie แต่ส่วนตัวชอบโหมด Pro เพราะสามารถปรับตั้งค่า การถ่ายได้ด้วยตัวเองเลย เหมือนการใช้กล้องเลย ใครกำลังหาโทรศัพท์ดีๆ สักเครื่อง สำหรับร่วมเดินทางไปกับเราในทุกๆ สถานที่ ช่วยเก็บทุกความทรงจำ ในราคาคุ้มค่าลองพิจารณา Vivo S1 Pro กันดูได้ครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.vivo.com/th/products/s1pro ได้เลยครับ

? ส่วนใครที่สนใจไปเที่ยวเซนได
ตอนนี้เดินทางไปเซนไดสะดวกสบาย ง่ายขึ้นมากๆ ไม่ต้องต่อรถไฟให้ยุ่งยาก เพราะการบินไทยบินตรง กรุงเทพฯ-เซนได สัปดาห์ละ 3เที่ยวบิน
✈️ เที่ยวบิน TG 626 บินทุกทุกวันอังคารวันพฤหัสบดี และวันเสาร์ เดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.50 น.
✈️ เที่ยวบิน TG 627 บินทุกทุกวันพุธ วันศุกร์และวันอาทิตย์ ออกเดินทางจากเซนไดเวลา 11.15 น.
สนใจจองตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.thaiairways.com


รีวิวบนแฟนเพจ : ญี่ปุ่นฤดูหนาว Sendai Winter Vivo S1 Pro x ไปคนเดียว+ 


#VivoS1Pro #VivoThailand #VivoTH #Vivo #S1Pro #ExploreYourStyle #FrontCamera32MP #AIQuadCamera48MP #Sendai #Japan #JP #ThaiAirways #IFlyThai #sendaiใกล้กว่าที่คิด #ค้นหาสไตล์ที่เป็นคุณ #การบินไทย #เซนได #ที่เที่ยวเซนได #สบายต่างกัน

Exit mobile version