ญี่ปุ่นโซนกลาง(ชูบุ) | Takayama – Tateyama – Inuyama

ใครจะไปเชื่อว่าเดือนพฤษภาเราจะยังเห็นกำแพงหิมะที่สูงกว่า 11เมตร แต่แอดเคยได้ยินมาว่าเคยสูงมากถึง 19เมตรเลยทีเดียว สถานที่ที่แอดพูดถึงก็คือ เขาทาเตยามะ (Yuki-no-Otani Snow Wall) แอดไปช่วงปลายเดือนพฤษภา อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5 องศา อากาศเย็นสบายบวกกับความขาวของหิมะ บอกเลยแอดฟินมากถ่ายรูปตรงไหนก็สวย ถ่ายรูปตรงไหนก็ดี ยิ่งตอนที่แอดขึ้นไปข้างบนของกำแพงหิมะ แอดถึงกับร้องโอ้วโห้วออกมาเพราะมันสวยเป็นบ้าเลย สำหรับกำแพงหิมะสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่กลางเดือนเมษาถึงปลายเดือนมิถุนา

ส่วนการเดินทางแอดบินตรงมาลงที่นาโกย่า (CHUBU Centrair International Airport) และนั่งรถไฟไปลงที่ทาเทยามะ ที่ทาเทยามะมีรถบัสไปยังกำแพงหิมะเลย บอกเลยว่าสำหรับใครที่อยากไปเที่ยวโอซาก้า โตเกียว เกียวโต หรือเมืองอื่นๆในญี่ปุ่นต่อ การบินมาลงที่นาโกย่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะนาโกย่าอยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่น ตัวสนามบินและที่เที่ยวที่แอดไปอยู่ในภูมิภาคชูบุ (Chubu) เปรียบเสมือนว่าครั้งนี้แอดพาทุกคนมาเที่ยวภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น การเดินทางสะดวกสบาย จากนาโกย่าไปโอซาก้าใช้เวลาประมาณ 50 นาที ไปเกียวโตใช้เวลาประมาณ 35นาที นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว


สนามบิน CHUBU Centrair International Airport


สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ยังมีกิจกรรมที่จะทำให้การรอขึ้นเครื่องไม่น่าเบื่อ อย่างแรกที่ถูกใจแอดมากคือกาชาปองชั้น 1 มันมีเยอะมากๆ ไม่ได้มีแค่ตู้ 2ตู้แต่มีหลายร้อยตู้ทำเอาแอดทนไม่ไหวเสียตังไปหลายร้อยเย็นเหมือนกัน

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แฟนเพจ : https://www.facebook.com/ChubuNagoya.th/
+ เว็บไซต์ : https://www.centrair.jp/th/

สนามบินที่นี่ยังมีออนเซนและร้านอาหาร(เยอะมาก)อยู่ที่ชั้น 4 นอกจากร้านอาหารยังมีร้านขายของโบราณของญี่ปุ่นอยู่ด้วย มีมาสคอตน่ารักๆคอยต้อนรับเราด้วย มาสคอตมีชื่อว่าFu-Kun แอดได้ยินมาว่าเจ้า Fu-Kun ชอบเดินทางท่องเที่ยวเหมือนแอดเลย

สนามบินนี้ยังมีจุดชมเครื่องบินที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น (และสามารถชมเครื่องบินได้ในระยะใกล้ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น) และเนื่องจากว่านาโกย่าเป็นเมืองแห่งนินจาในสนามบินเลยมีหุ่นนินจาซ่อนอยู่ถึง 14 ตัว สำหรับใครที่อยากอาบน้ำหรือมีบินกลับไฟท์เช้ามากๆ

ในสนามบินมีแคปซูลนอนอยู่ที่ชั้น1 คืนละประมาณ 2000 เยน แต่ถ้าอยากอาบน้ำอย่างเดียวก็ชั่วโมงละ 900 เยน
เป็นสนามบินที่มีครบครันและสะดวกสบายในการเดินทางจริงๆ สนามบินเซ็นแทรร์ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005 แห่งนี้ได้รับคัดเลือกเป็นอันดับที่ 6 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 จากคุณภาพการบริการอันยอดเยี่ยม โดยบริษัทสำรวจการบริการสายการบิน “Skytrax”
ทริปนี้แอดมาญี่ปุ่นแค่ 3วัน2คืนเท่านั้น มาดูกันว่า 3วัน 2คืน แอดจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามไปเที่ยวกัน


วันที่ 1
– สนามบิน CHUBU Centrair International Airport
– ร้าน Kyoushi เนื้อฮิตะ A5
– ย่านถนนคนเดินทาคายาม่า
– Dekonaru-Yokocho แหล่งรวมร้านอาหารกว่า 10 ร้าน
– โรงแรม Spa Hotel ALPINA Hida Takayama

วันที่ 2
– กำแพงหิมะเขาทาเตยามะ (Yuki-no-Otani Snow Wall)
– เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)
– โรงละคร Dekonaru-Za’s Performance
– โรงแรม Honjin Hiranoya Kachoan
– ร้านของฝากของโรงแรม และคาเฟ่ River Terrace

วันที่ 3
– ศาลเจ้านิกายชินโต (Sankoinari Shrine)
– ถนนคนเดินย้อนยุค (Honmachi Street)
– Aeon Mall Tokoname
– กลับไทย


วันแรก
จากสนามบินแอดนั่งรถไฟมิวสกายเข้านาโกย่าใช้เวลาประมาณ 35นาที


ร้าน Kyoushi เนื้อฮิตะ A5


หลังจากนั้นนั่งต่อไปลงที่ทาคายามะ หลังจากถึงที่สถานีแล้วแอดแวะกินเนื้อย่างที่ร้าน Kyoushi ร้านนี้ดังเรื่องเนื้อฮิตะ A5 มากๆ แอดได้ลองเมนูต่างๆที่ทำจากเนื้อฮิดะ บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกก ส่วนราคา Hida Beef Sushi Set 1980 เยน และ Hida Beef Hitsumabushi 2500 เยน สำหรับแอดแอดรู้สึกว่าตัวเนื้อนุ่มละลายคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/fXs5UeHWVHiAnwCh6
+ เว็บไซต์ : http://www.kyoushi.co.jp/




ย่านถนนคนเดินทาคายาม่า 


หลังจากนั้นแอดเดินไปยังย่านถนนคนเดินทาคายาม่า ย่านนี้เราสามารถเดินไปกินไป เจอตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูป แต่อาจจะต้องหยุดเดินบ่อยหน่อย เพราะของกินเยอะมากและถนนทั้งเส้นสวยหมด

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/HyR7CMUPmUT9wntSA


ถนนคนเดินนี้มีร้านซูชิที่ดังมากๆ บอกเลยว่าคนต่อคิวยาวมากกกกกก ร้านชื่อว่า Hida Kotte Ushi ซูชิเนื้อฮิดะย่าง อยู่โซนเมืองเก่า มีให้เลือก 4 แบบ เป็นเซ็ต A , B , C และ X ราคาอยู่ที่ 700เยน , 800เยน , 1,000เยน และ 1,000เยน แอดลองครบทุกเซตเลย อร่อยฟินจริงๆ แต่ที่พิเศษอีกอย่างคือ
ซูชิเนื้อฮิดะร้านนี้จะถูกวางมาบนแผ่นเซมเบ้(คล้าย ๆ ข้าวเกรียบบ้านเรา) นอกจากร้านซูชิยังมีร้านซาลาเปาที่ข้างในเป็นไส้เนื้อฮิดะอีกด้วย แอดบอกเลยว่าไม่ควรพลาด


ที่นี่ไม่ได้มีแค่ของคาว ของหวานของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน ร้านที่แอดอยากแนะนำชื่อว่า Mitsuha ร้านคาเฟ่น่ารัก สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบสุดๆ ของหวานน่ารักมากและมีหลากหลาย แต่ที่แอดอยากแนะนำคือของหวานที่ทำมาจากชาเขียวเพราะอร่อยหอมหวานเข้มข้นทุกเมนูเลยทีเดียว แอดชอบมาก ร้านนี้ เปิด10โมงเช้า-6โมงเย็น

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่อยู่ : 93 Kamisannomachi, Takayama, Gifu 506-0846, Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/fPzD3EBQ83hVTHq56


Dekonaru-Yokocho  แหล่งรวมร้านอาหารกว่า 10 ร้าน


จากสถานีทาคายามะเดินประมาณ 10นาทีจะเจอแหล่งรวมร้านอาหารกว่า 10 ร้านชื่อว่า Dekonaru-Yokocho เป็นย่านใหม่ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน ที่นี่จะรวบรวมอาหารท้องถิ่นของทาคายามะไว้ ใครที่ชอบความดั้งเดิมหรืออาหารพื้นบ้านแบบญี่ปุ่นจริงๆ ไม่ควรพลาดที่นี่ ร้านที่แอดอยากแนะนำชื่อว่า Ushimaru เป็นร้านอิซากายะ ที่ขายทั้งอาหารพื้นบ้านและเหล้าญี่ปุ่น มีทั้งอุด้ง ข้าวแกงกะหรี่ โอเด้ง กิวด้ง กิวนาเบะ แต่เมนูเด็ดของร้านคือมิโสะ นิโคะมิ อุด้งทำมือเส้นเหนียวนุ่ม มีส่วนผสมคือเต้าหู้ผัดกับน้ำซุปและฮัตโจ มิโสะในหม้อดิน ตอกไข่ใส่ มิโสะ นิโคะมิ อุด้ง จะมีรสชาติเข้มข้นกว่าอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ทำให้เป็นที่นิยมมากในนาโกย่า

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://ushimaru.net/ 
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/e9gpPxSWi4n5fLhN8

อีกร้านชื่อว่า Hida Takayama Gyoza Sohonzan เป็นร้านเกี๊ยวซ่า ไฮไลท์ของร้านนี้ก็คือตัวแป้งเกี๊ยวจะมี 3สี ตัวซอสที่ราดมาให้ก็ต่างกัน แต่รสชาติอร่อยเหมือนกัน แถมถ่ายรูปออกมาสวยอีก ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 18.00-23.00

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/YfwWVzDvyLoseVLa7

นอกจาก 2 ร้านที่แอดแนะนำไป ยังมีร้านปิ้งย่างและร้านอาหารอีกหลายร้าน นอกจากร้านอาหารยังมีร้านยิงปืน และร้านปาดาวกระจายให้เราได้เล่นสนุกอีกด้วย ที่นี่เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 17.00-24.00 (เวลาแตกต่างกันตามแต่ละร้านค้า)

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://dekonaru.com/shop/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)


โรงแรม Spa Hotel ALPINA Hida Takayama


หลังจากอิ่มท้องแอดก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาทันที ที่พักของแอดในคืนแรกชื่อว่า Spa Hotel ALPINA Hida Takayama ราคาคืนละประมาณ 7000 เยน

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/VjnVYrXPaavwqxrVA
+ เว็บไซต์ : https://www.spa-hotel-alpina.com/en/


กำแพงหิมะเขาทาเตยามะ (Yuki-no-Otani Snow Wall)


วันที่ 2 
แอดนั่งรถไฟจากทาคายามะไปลงที่ทาเทยามะเพื่อต่อบัสไปดูกำแพงหิมะกัน จากทาเทยามะไปมุโระโด(กำแพงหิมะ)ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ราคานั่งบัสคนละ 2430 เยน ก่อนจะถึงกำแพงหิมะบัสจะขับผ่านน้ำตกโชเมียว (น้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 350 เมตร) เราสามารถชมน้ำตกได้จากบนบัสเลย

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.alpen-route.com/th/
+ ดูกล้องเรียลไทม์ : https://www.alpen-route.com/th/live_camera/murodo.html
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/zDd2xhBzRti5zCay6

หลังจากนั้นไม่นานแอดก็มาถึงกำแพงหิมะแล้วววววว เป็นครั้งแรกของแอดเลยที่ได้มาเห็นกำแพงหิมะ สวยแบบไม่ผิดหวังจริงๆ อากาศเย็นสบายไม่หนาวจัด ตอนแอดไปอุณหภูมิประมาณ 5 องศา ความสูงของกำแพงอยู่ที่ 11 เมตร แต่แอดเคยได้ยินมาว่ากำแพงหิมะเคยมีหิมะทับถมสูงถึง 19 เมตรด้วย บอกเลยว่ามีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ
บอกเลยว่ามีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ ถ่ายตรงไหนก็สวยไปหมด ยิ่งตอนแอดขึ้นไปเห็นจากข้างบน ถึงกับร้องว้าวออกมาเลย เพราะมันสวยสุดยอด สีขาวๆของหิมะกับสีฟ้าของท้องฟ้าตัดกันยิ่งทำให้รูปที่ถ่ายออกมาสวยขึ้นไปอีก ทุกคนสามารถมาชมกําแพงหิมะได้ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนมิถุนายน แอดแนะนำให้ทุกคนเข้าไปเช็ควันเปิดปิดที่แน่นอนก่อนเดินทางจะได้ไม่เสียเที่ยวนะครับ


เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)


หลังจากนั้นแอดนั่งกระเช้าไฟฟ้าแบบไม่มีเสาพยุงที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นเพื่อไปชมเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)เป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่หุบเขาคุโรเบะ รอบๆเขื่อนมีวิวสวยๆให้ทุกคนถ่ายรูปเพียบ ยิ่งถ้าทุกคนมาช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมเขื่อนจะมีการปล่อยน้ำทุกวัน บอกเลยว่ายิ่งสวยขึ้นไปอีก แต่ที่นี่จะปิดช่วงเดือนธันวาคม –กลางเดือนเมษายน ก่อนจะมาเที่ยวแอดแนะนำให้เช็คเวลาเปิดปิดก่อนจะได้มาแล้วไม่เสียเที่ยวนะครับ

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/kmzkFZjuzHC2d8bZ9
+ เว็บไซต์ : https://www.kurobe-dam.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
ตอนที่แอดมาถึงเขื่อนก็ได้เวลาของมื้อเที่ยงพอดีบนเขื่อนจะมีร้านอาหารอยู่ 1 ร้านเป็นร้านขายข้าวแกงกระหรี่ แต่แกงกะหรี่ร้านนี้ไม่เหมือนที่อื่นตรงที่เขาจะปั้นข้าวเป็นรูปเขื่อน น้ำแทนด้วยแกงกระหรี่ จัดแต่งจานได้น่ารักมาก แต่ยังไม่หมดไฮไลท์อีก 1 อย่างก็คือแกงกะหรี่เขียวหวาน ถึงจะแปลกแต่ก็อร่อยสุดๆ นั่งกินข้าวไปดูวิวเขื่อนไป แอดเพลินมาก หลังจากกินคาวก็ต้องตบด้วยของหวาน ไอศกรีมที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเพราะเป็นไอศกรีมรสแกงกระหรี่ อาจจะฟังดูไม่น่ากิน แต่แอดอยากบอกว่ามันอร่อยและชื่นใจสุดๆ มาถึงเขื่อนแล้วต้องลองนะครับ

จากเขื่อนคุโรเบะแอดนั่งบัสไปลงที่สถานีโองิซาวะ ใช้เวลาประมาณ 16 นาทีจากสถานีโองิซาวะแอดนั่งรถไฟกลับไปที่สถานีทาคายามะเพื่อที่จะไปดูการแสดงพื้นบ้านของฮิดะ จากสถานีทาคายามะเดินประมาณ 10 นาทีจะถึง Dekonaru-za


โรงละคร Dekonaru-Za’s Performance


Dekonaru-za ค่าเข้าชมการแสดงคนละ 3000เยน การแสดงที่จัดขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้านของฮิดะ เรื่องราวที่แสดงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อของเมืองนั้น โดยรูปแบบการแสดงนี้จะไม่มีบทสนทนา มีเพียงเสียงกลองและดนตรีประกอบการแสดงเท่านั้น มีภาษาอังกฤษบรรยายให้ด้วยนะครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่เข้าใจ นอกจากดูการแสดงแล้วยังมีสอนการใช้พัดด้วยทําให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมสำหรับแอดถือว่าดีมากๆเลย เวลาเข้าชมการแสดงสามารถถ่ายรูปได้ แต่ไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้นะครับ เปิดแสดงวันจันทร์ – ศุกร์ มี3รอบ11:00-12:00 ,13:30-14:30 และ17:30-18:30 เดิมตรงนี้จะเป็นย่านที่ขายอาหารอีสานเยอะมาก ต่อมาก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงละคร แต่ก็ยังมีร้านอาหารอยู่บ้าง

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://dekonaru-za.com/en/
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/6ggoxgPvwcLnVwMv7


โรงแรม Honjin Hiranoya Kachoan


หลังจากชมการแสดงเสร็จแอดก็มุ่งตรงไปที่ที่พักของเราเลย ที่พักของแอดคืนนี้ชื่อว่า Honjin Hiranoya Kachoan เป็นที่พักแบบเรียวกัง โดยส่วนตัวแอดชอบที่พักแบบเรียวกังมากมาก เพราะข้างในมีครบครันทั้งสปา ออนเซน และการตกแต่งภายในเรียวกังจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในสมัยก่อนของญี่ปุ่น นอกจากนั้นที่นี่ยังมีชุดยูกาตะ(ฟรี)ให้เราใส่ถ่ายรูปอีกด้วย ภายในเรียวกังสวยมาก แอดสามารถอยู่ในเรียวกังนี้ได้ทั้งวันเลย ราคาที่พักรวมอาหารเย็น 31,320-59,400เยน(1ห้อง2คน เรทราคาห้องขึ้นอยู่กับประเภทห้อง) อาหารเย็นจะเป็นแบบอาหารพื้นเมืองดั้งเดิม

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/ht5b4DWQUz7LVQLT9
+ เว็บไซต์ : https://www.honjinhiranoyakachoan.jp/th-th

อาหารเย็นจะเป็นแบบอาหารพื้นเมืองดั้งเดิม

ห้องออนเซน อาหารเช้า


ร้านของฝากของโรงแรม และคาเฟ่ River Terrace


สำหรับใครที่อยากหาของฝากภายในโรงแรมมีร้านขายของฝากด้วยนะ มีของฝากหลายอย่างตั้งแต่ของกิน เครื่องราง ของประดับ โรงแรม Honjin Hiranoya Kachoan จะมี 2 ฝั่ง ร้านของฝากก็เช่นกัน

และมีคาเฟ่ชื่อ River Terrace สามารถนั่งเห็นวิวสะพานแดงได้ และยังมี Sarubobo ตกแต่งในคาเฟ่ด้วย คนที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่จะชอบไปถ่ายรูปกับ Sarubobo ตัวใหญ่ สำหรับใครที่กำลังหาที่พักดีๆที่เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ แอดแนะนำที่นี่เลยเพราะมีครบทุกอย่าง สวยและเงียบสงบ


ศาลเจ้านิกายชินโต (Sankoinari Shrine)


วันที่3
วันนี้แอดจะพาทุกคนไปปราสาทอินุยามะกับศาลเจ้านิกายชินโต 
จากทาคายามะนั่งรถไฟสาย Meitetsu Railways ไปลงที่สถานี Inuyama หรือสถานี Inuyama-Yuwn แล้วเดินต่อไปยังปราสาทประมาณ 15-20 นาที
– ปราสาทอินุยามะ(Inuyama Castle) ได้รับการยกย่องว่าเป็นสมบัติประจําชาติของประเทศญี่ปุ่น ติดโพลอันดับที่ 5 ของ 12 ปราสาทญี่ปุ่นที่รักษาสภาพดั้งเดิมเอาไว้ ตั้งแต่ในอดีตมาจนปัจจุบัน เวลาเปิดปิด 9.00-17.00 น. (เข้ารอบสุดท้าย 16.30 น.) ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 500 เยน, นักเรียนประถมและม.ต้น 100 เยน
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/476kMweQmg7iF9eR7
+ เว็บไซต์ : https://inuyama.gr.jp.e.jm.hp.transer.com

– ศาลเจ้านิกายชินโต(Sankoinari Shrine)
ต่อ จากสถานีอินุยามะ เดินประมาณ 25 นาที ศาลเจ้านิกายชินโต มีเสาโทริอิเรียงรายเป็นจุดเด่น มีชื่อเสียงเรื่องเทพเจ้าแห่งความรัก จะเห็นได้ว่าแผ่นเอมะจะเป็นรูปหัวใจสีชมพู ศาลเจ้านี้เหมาะกับคู่รักที่มาขอพรให้กันและกัน ให้ครองรักกันยาวนาน และคนโสดที่มาขอพรขอให้พบเจอคู่แท้ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องขอให้เงินทองไหลมาเทมาอีกด้วย ทุกคนสามารถนําเงินไปล้างเพื่อขอพรได้มีเงินทองจะได้ไหลมาเทมา และ

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/5sdoHAjoF9gF76dU9


ถนนคนเดินย้อนยุค (Honmachi Street)


ต่อมาก็มาเดินเล่นที่ ถนนคนเดินย้อนยุค  Honmachi Street โดยถนนทั้งสายจะมีบ้านเรือนแบบโบราณสมัยเอโดะ มีร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก มีร้านเช่าชุดยูกาตะใส่เดินเล่นรอบเมืองได้ด้วย ราคาเช่าชุด 3500 เยน และมีคาเฟ่ต่างๆเยอะแยะมากมาย และคาเฟ่แต่ละคาเฟ่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละร้าน แอดบอกเลยว่าสวยและเก๋หลายร้านเลย

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/9cVN4qXufXtdYApY9

– ร้านแรก ที่แอดจะแนะนำชื่อว่า Sakuraya Kayoho ของขึ้นชื่อคือ “ขนมญี่ปุ่นเสียบไม้”(Mai no Kanzashi) ที่มีขายเฉพาะ ในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง โดยมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับอุปกรณ์ประดับผมในชุดกิโมโน ตัวขนมทํามาจากถั่วแดงกวน ขนมโยกัง และวุ้น ราคาไม้ละ 250 เยน

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/mRDsPtZaCxBN82dV8
– ร้านที่สอง ชื่อว่า Kura-ya ขนมร้านนี้ดังมากๆ เมนูยอดนิยมอันดับ 1 ของร้านคือ โคอิโคมาจิ ที่เมนูนี้ดังมากๆเพราะว่ารูปลักษณ์ต่างจากขนมดังโงะแบบโบราณที่เราเคยเห็นกัน สีสวย เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปของกินมากๆ เพราะถ่ายออกมาแล้วสวยจริงๆ ขนมมี 4 รสชาติเป็นรสชาติมาตรฐานที่มีขายตลอดทั้งปี คือ สตอเบอรี่อามาโอะ, สตอเบอรี่กวนละเอียด, ถั่วแระ, ลูกพีช แต่อีก 2 รสจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ราคา 2 ไม้ พร้อมชาเขียว 600 เยน

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/PaaBbFRjkBGE7H4C8

– ร้านที่สาม ชื่อว่า Honmachi Saryou “ซอฟท์ครีมพรีเมียมสูตรเข้มข้นพิเศษ” (Tokuno Premium Soft Cream) ที่โรยหน้าด้วย“โออิริ” ขนมโมจิรสชาติหวานเล็กน้อย เมื่อทานจะละลายในปากทันที ฟินมากกกกก ราคา 350 เยน

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/fVxsyvR95Ji1dgwT8

– ร้านที่สี่ ชื่อว่า Yoshikawaya เมนูเด็ดของร้านคือซอฟท์ครีมผลไม้ต่างๆ ที่เด็ดมากเพราะว่าผลไม้ของร้านนี้สดมาก เก็บใหม่ทุกวัน เมนูแนะนำซอฟท์ครีมสตอเบอร์รี่ 680 เยน ซอฟท์ครีมเมล่อน 500 เยน ซอฟท์ครีมแตงโม 500 เยน ร้านนี้จะเปิด 9โมงเช้าถึง6โมงเย็น ถ้าใครไปเที่ยวแถวศาลเจ้าอย่าลืมแวะลองกันนะ จะบอกเลยว่าคุ้มค่ามากให้ผลไม้เยอะจนล้นแก้วเลยทีเดียว

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/WWhcBc8yDbD4JaSW8

นอกจาก 4 ร้านที่แอดแนะนำไป ยังมีอีกหลายร้านที่น่าสนใจและสวยไม่แพ้กัน


Aeon Mall Tokoname


หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปแถวอินุยามะจนหนำใจแล้ว แอดก็นั่งรถไฟจากสถานีอินุยามะไปลงห้างสรรพสินค้า Aeon Mall Tokoname บอกเลยว่าห้างนี้อยู่ใกล้กับสนามบินมากๆ มี shuttle bus เข้าสนามบินด้วย จากห้างเข้าสนามบินใช้เวลาประมาณ 15นาทีเท่านั้น สำหรับใครที่อยากจะช้อปปิ้งต่อแต่กังวลว่าจะเช็คอินไม่ทันแนะนำแวะห้างนี้เลยเพราะอยู่ใกล้สนามบินสุดๆ ไฮไลท์ของห้างนี้คือจะมีรูปปั้นแมวยักษ์ที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปด้วย ในห้างนี้เกือบทุกอย่างจะตกแต่งด้วยรูปแมว และมีกิจกรรม DIY ให้ทำด้วยสำหรับคนที่สนใจ ซื้อของในห้างนี้ก็เหมือนเราซื้อของดิวตี้ฟรีที่สนามบินเลย เพราะมี Tax Free เหมือนกัน และในห้างนี้มีของขายเยอะมาก ทั้งเครื่องสำอาง และขนมของฝากต่างๆ ด้านนอกห้างมีสนามโกคาร์ท ให้เล่นด้วย มีทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เหมาะกับใครที่ต้องรอเช็คอินนานๆ หรือก่อนบินไปที่อื่นแล้วไม่รู้จะไปที่ไหน ถ้าไปไกลก็กลัวกลับมาเช็คอินหรือขึ้นเครื่องไม่ทัน ห้างนี้ตอบโจทย์มากๆ

? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/B42P47iRLvp92mYk7
+ เว็บไซต์ : https://th.aeonmall.global/mall/tokoname-aeonmall/

หลังจากแอดเดินช้อปอยู่สักพัก ก็ถึงเวลาไปสนามบินเพราะว่ามื้อเย็นแอดจะไปกินข้าวเย็น ที่สนามบินมีทั้งร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน และบอกเลยว่า Food Court ที่นี่ก็ดีมาก มีแต่ของน่ากิน หลังจากกินข้าวเย็นเรียบร้อยก็ได้เวลาที่แอดต้องกลับไทยแล้ว


ทริปนี้เป็นทริปสั้นแบบ 3 วัน 2 คืน แต่ได้เที่ยวแบบครบทุกฟิล ทั้งได้เห็นกำแพงหิมะครั้งแรก ได้กินอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ได้นั่งกระเช้าที่ยาวที่สุด ได้ชมเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ได้ชมการแสดงพื้นบ้านของญี่ปุ่น ได้นอนเรียวกังสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบแท้จริง ใส่ชุดยูกาตะเดินรอบเมืองพร้อมถ่ายรูปกับคาเฟ่ต่างๆ แถมยังได้ไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้า ปิดทริปด้วยการไปช้อปปิ้งที่ห้างใกล้สนามบิน สำหรับแอดแอดคิดว่าเป็น 3วัน2คืนที่ครบทุกรสชาติมากๆ สำหรับใครที่มีเวลาว่างไม่เยอะมากแต่อยากมาเที่ยวญี่ปุ่นแอดแนะนำให้มาลงที่นาโกย่า สนามบิน CHUBU Centrair International Airport เพราะเดินทางสะดวกและใกล้สถานที่เที่ยวดังๆหลายที่ น่าสนใจขนาดนี้ รีบเช็ควันว่างจองตั๋วและตามมาเที่ยวกันเลยดีกว่า


รีวิวบนแฟนเพจ : ญี่ปุ่นโซนกลาง(ชูบุ) | TAKAYAMA – TATEYAMA – INUYAMA


#กำแพงหิมะ #หิมะ #ญี่ปุ่น #เขาทาเตยามะ #ทาคายาม่า #ชูบุ#NextLandingNagoya #Nagoya
 #Tateyama #MurodoSnowWall#Japan #Snow #Takayama #Inuyama #Chubu#YukinoOtaniSnowWall