“ฮอกไกโด” เป็นชื่อจังหวัดและเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่น โดยมีซัปโปโรเป็นเมืองหลัก
ทริปนี้เป็นการเดินทางไปฮอกไกโดครั้งแรกของแอด แต่บอกเลยว่าเป็นทริปที่แอดประทับใจมากกกกกก สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่สวยมาก เพราะช่วงที่แอดไปเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี และที่พีคกว่านั้นคือช่วงที่แอดไปคือช่วงที่หิมะเริ่มตก ลองนึกภาพตามนะครับ ใบไม้ที่เปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีเหลือง สีส้ม และถูกแต้มเพิ่มด้วยความขาวของหิมะ โอ๊ย ฟินสุดๆ
และถึงจะเป็นการไปฮอกไกโดครั้งแรกของแอด แต่แอดก็ไม่ง้อรถเช่านะ แอดเดินทางด้วยรถสาธารณะไปยังสถานที่ต่างๆทั้งหมด ยิ่งทำให้ทริปนี้ของแอดสนุกมากขึ้นไปอีก พูดมาขนาดนี้แล้ว ทุกคนคงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับ ว่าแอดจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เดินทางยังไงบ้างและสวยงามมากขนาดไหน จะเหมือนที่แอดบอกไว้มั้ย ตามแอดไปเที่ยวกันได้เลย
แต่ก่อนจะไปเที่ยวเราควรจองตั๋วเครื่องบินกันก่อน ทริปนี้แอดเดินทางด้วยสายการบิน NokScoot บินตรงตามเวลา ไม่เท ไม่เลท
แถมเครื่องบินลำใหญ่ นั่งสบายมาก เพราะแอดยังสามารถเหยียดขาได้สุดเลย ไม่เมื่อย ไม่อึดอัด
เดินทาง 5ชั่วโมงแอดหลับยาวจนถึงสนามบินซัปโปโรเลย นอกจากจะมีบินตรงจากดอนเมืองถึงซัปโปโร 4วันต่ออาทิตย์แล้ว ยังมีบินตรงจากดอนเมืองถึงโอซาก้า และดอนเมืองถึงโตเกียว ทุกวัน
อยากเที่ยวซัปโปโร โตเกียวหรือโอซาก้าเมื่อไหร่ ให้นึกถึงนกสกู๊ตนะครับ หลังจากจองตั๋วเรียบร้อย เราก็พร้อมไปเที่ยวกันแล้ว ป่ะ ไปเที่ยวกัน
ก่อนเริ่มเดินทางสิ่งที่ขาดไม่ได้ของทริปคือ JR Pass
เลือกวิธีการเดินทางด้วยรถไฟ ก่อนเริ่มเดินทาง ทริปนี้แอดใช้ Hokkaido Rail Pass แบบใช้งานต่อเนื่อง 7 วัน ราคา 25,710 เยน (ยื่นพาสปอร์ต กรอกรายละเอียดส่วนตัว ชื่อที่พัก กำหนดวันเริ่มใช้งาน เซ็นชื่อ)
Hokkaido Rail Pass ตั๋วรถไฟแบบ ไม่จำกัดรอบ ไม่จำกัดเวลาการเดินทาง นั่งรถไฟ JR ได้ทุกสายบน Hokkaido ทั้ง รถไฟธรรมดา รถไฟเร็ว รถไฟด่วนพิเศษ และรถไฟนำเที่ยว ยกเว้นแต่ Hokkaido Shinkansen และยังสามารถระบุที่นั่งได้ด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อระบุที่นั่งในรอบที่ต้องการระบุที่นั่งอีกครั้ง
มี 4 แบบ
- Hokkaido Rail Pass แบบใช้งานต่อเนื่อง 3 วัน ราคา 17,400 เยน เด็ก(อายุ 6 – 11 ปี) ราคา 8,700 เยน
- Hokkaido Rail Pass แบบใช้งานต่อเนื่อง 5 วัน ราคา 23,480 เยน เด็ก(อายุ 6 – 11 ปี) ราคา 11,740 เยน
- Hokkaido Rail Pass แบบใช้งานต่อเนื่อง 7 วัน ราคา 25,710 เยน เด็ก(อายุ 6 – 11 ปี) ราคา 12,850 เยน
- Hokkaido Rail Pass Flexible 4 วัน (สามารถใช้งานได้แบบยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องกันภายใน 4 วัน ) ราคา 23,480 เยน เด็ก(อายุ 6 – 11 ปี) ราคา 11,740 เยน
วิธีการใช้งาน
เข้าช่องทางผ่านที่มีเจ้าหน้าที่ แสดงตั๋วต่อเจ้าหน้าที่ ขึ้นรถไฟขบวนที่จะเดินทาง แล้วเข้าไปนั่งในตู้ที่เขียนว่า Non-Reserved เท่านั้น ยกเว้นไปติดต่อ ระบุที่นั่งแล้ว ให้นั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้
? การเดินทาง : ออกจากสนามบินเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวา ตามป้าย JR Train ลงลิฟต์ไปชั้น B1F เลี้ยวขวา ซื้อได้ที่ JR Information Desk
?#รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ gps : https://goo.gl/maps/rL7TTvsoYp2s2XuQ8
#วันแรก
แอดเดินทางด้วยสายการบิน NokScoot บินตรงจากดอนเมืองถึง New Chitose Airport Sapporo (ฮอกไกโด) เครื่องบินลำใหญ่ นั่งสบายมาก นอกจากหลับสบายแล้ว ยังอิ่มท้องด้วยนะ อาหารบนเครื่องบินของนกสกู๊ต มีหลากหลายและอร่อยด้วย หลังจากถึงสนามบินที่ฮอกไกโดแล้ว ที่แรกที่แอดจะพาทุกคนไปก็คือ DORAEMON WAKU WAKU SKY PARK
DORAEMON WAKU WAKU SKY PARK
พิพิธภัณฑ์ของคนรักโดราเอมอนต้องห้ามพลาด ภายในมีมุมถ่ายรูปและกิจกรรมให้ทำเยอะมาก หลายจุดเลย ทั้งฉากห้องนอนของโนบิตะ ฉากสนามเด็กเล่น ฉากชิซูกะกำลังอาบน้ำและสุดท้ายถ่ายรูปคู่กับมาสคอตโดราเอมอน ด้านนอกบริเวณรอบๆ ยังมีร้านขายของที่ระลึก สนามเด็กเล่น Work Shop มีตู้คีบตุ๊กตา มีกาชาปองและคาเฟ่โดราเอมอน ซึ่งแต่ละเมนูน่ารักมาก น่ากินมากด้วย มีทั้งโดรายากิของโปรดของโดราเอมอน และไทยากิรูปโดราเอมอนกับโดเรมี่จังด้วยนะ ถ้าแอดพกเงินไปเยอะ แอดก็อยากลองกินทุกเมนู อยากซื้อมาถ่ายรูปทุกเมนูเลยเหมือนกัน ใครที่ชอบโดราเอมอน คงฟินสุดๆ
? การเดินทาง : ลงเครื่อง ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าออกมาเลี้ยวซ้ายเจอมาสคอตโดราเอมอน ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 3 หันหลังเจอ Smile Road เดินตรงไป DORAEMON WAKU WAKU SKY PARK อยู่ขวามือ ซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋ว
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.new-chitose-airport.jp/ja/doraemon/zone/cafe
+ ที่ตั้ง : New Chitose Airport ชั้น 3 ทางเชื่อมระหว่าง Domestic กับ International
+ เปิด – ปิด : 10.00-18.00 น.
+ แผนที่ gps : https://goo.gl/maps/AmBogeZDhryoQLA7A
+ ค่าเข้าชม : ซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วได้เลย
ผู้ใหญ่ คนละ 800 เยน
เด็ก 13 – 18 ปี คนละ 500 เยน
เด็ก 3 – 12 ปี คนละ 400 เยน
+ โทร : +81 123-46-3355
วันนี้แอดเดินทางเข้า Sapporo ที่เดียว เลยเลือกซื้อตั๋วรถไฟแบบรายเที่ยว ราคา 1,150 เยน (ไม่ระบุที่นั่ง) สามารถซื้อจากเจ้าหน้าที่พร้อมกันได้เลย และ Hokkaido Rail Pass กำหนดเริ่มใช้งานในวันถัดไปแทน
โรงแรม JR Inn Sapporo
หลังจากถ่ายรูปกับโดราเอมอนเต็มอิ่มแล้ว แอดก็เข้าไปเช็คอินที่โรงแรม เพื่อเก็บกระเป๋ากันก่อน โรงแรมในคืนนี้ชื่อว่า JR Inn Sapporo ห้องอาจจะดูไม่ใหญ่ แต่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายเหมือนเดิม หลังจากเก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็ถึงเวลาของมื้อเย็นแล้ว
? การเดินทาง : จาก New Chitose Airport Station ขึ้น JR Repid Airport (ตั๋วราคา 1,150 เยน ตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง) นั่งไป 6 สถานี ลงที่ Sapporo Station ใช้เวลาประมาณ 37 นาที
แล้วจาก Sapporo Station ออกทางออก West Gate แล้ว เดินไปทาง South Exit แล้วเดินต่อ ประมาณ 190 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.jr-inn.jp/sapporo/en
+ ที่ตั้ง : North 5 West 6, Chuo-ku, Sapporo-shi, Hokkaido
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/fnWG1Wj2AjoTH78MA
+ โทร : +81(0)11-233-3008
+ ค่าที่พัก 1 คืน 7,920 เยน
ร้านบุฟเฟ่ต์ (Nanda Susukino Sapporo)
มื้อเย็นของแอด แอดจะพาทุกคนมากินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลกัน ที่นี่มีคนแนะนำมาว่าไปซัปโปโรแล้วต้องไปกิน ร้านชื่อว่า Nanda Susukino Sapporo ราคาต่อคนมื้อเย็น คนละ 5,100 เยน ในเวลา 100 นาที ส่วนใหญ่ในร้านจะเจอแต่ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างแอดเยอะมากๆ ภายในร้านอาหารมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ได้มีแค่ขาปูเท่านั้น มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หมู เนื้อ ซูชิ จัดเต็มแบบสุด ส่วนตัวแอดค่อนข้างชอบเนื้อมากกว่า มีให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าถามเรื่องราคาส่วนตัวแอดว่าคุ้มอยู่มีของให้เลือกเยอะดี แถมมีน้ำจิ้มซีฟู้ดเอาใจคนไทย น่ารักสุดๆ แล้วยังมีพนักงานพูดภาษาไทยคอยแนะนำอีกด้วย ร้านอยู่ที่ตึก Cyber City ชั้น B2
? การเดินทาง : จาก Sapporo Station ขึ้น Subway สายสีเขียว Namboku Line ปลายทาง Makomanai ชานชาลาที่ 1 นั่งไป 2 ป้าย ลงที่ Susukino Station ออกทางออกที่ 5 เดินต่อประมาณ 350 เมตร (ตั๋วราคา 210 เยน)
แท็กซี่ : จาก Sapporo Station ฝั่งตะวันตก ประมาณ 1,150 เยน(เริ่มต้นที่ 680 เยน)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://g-nanda.com
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒060-0004 Hokkaido, Sapporo, Chuo Ward, Minami 5 Jonishi, 2 Chome
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/dHCUUN19wssMVGwS9
+ โทร : +81 11-532-7887
+ เปิด – ปิด : 11.00 – 22.20 น.
+ ค่าบุฟเฟ่ต์ : 11.00 – 16.00 น. คนละ 4,700 เยน ในเวลา 70 นาที
16.00 – 22.00 น. คนละ 5,100 เยน ในเวลา 100 นาที
หลังจากกินแบบอิ่มจนหนังท้องตึง หนังตาหย่อนเลยทีเดียว แอดก็เดินทางกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เตรียมลุยเที่ยวต่อในวันต่อไป
#วันที่2
วันนี้แอดแพลนเดินทางไป Asahikawa เพื่อไป Asahiyama Zoo แต่เนื่องจากสวนสัตว์ Asahiyama Zoo ปิดช่วงที่แอดไป แพลนเลยต้องเปลี่ยน แอดเลือกไปเก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่ Hokkaido University แทน แต่บอกเลยว่าสวยมาก
ใบไม้เปลี่ยนสี (Hokkaido University)
ถึงจะเสียดายที่สวนสัตว์ปิด แต่ภาพตรงหน้าของแอดเมื่อเดินทางมาถึง Hokkaido University ทำให้แอดลืมเรื่องสวนสัตว์กันไปเลยทีเดียว เพราะสวยมาก ทั้งถนนเรียงยาวเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ใบเป็นสีแดง เหลือง ส้ม ขนาดแอดเป็นผู้ชายยังอดจะกรี๊ดในใจไม่ได้ สวยจังวุ้ยยยยยย ขอถ่ายรูปคู่สักหน่อยเถอะ แล้วสาวๆที่ชอบถ่ายรูปจะอดใจไหวได้ไง ถ่ายไปเลย ตรงไหนก็สวย หลังจากถ่ายรูปตรงนี้กันแบบอิ่มหนำ เต็มอิ่ม เอาให้เมมเต็มกันไปเลย แอดก็เลือกเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน
? การเดินทาง : เดินจาก JR Inn Sapporo ประมาณ 1.1 กิโลเมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.hokudai.ac.jp/
+ ที่ตั้ง : 5 Chome Kita 8 Jonishi, Kita Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0808 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/9R6nu2r3WFqYmVWT9
เดินกลับจาก Hokkaido University ไปรับกระเป๋าที่ JR Inn Sapporo แล้วเดินทางไป Asahikawa ต่อเลย
โรงแรม Court Hotel Asahikawa
โรงแรมคืนที่ 2ของแอดชื่อว่า Court Hotel Asahikawa ห้องอาจจะดูเล็ก แต่ความสะดวกสบายไม่เล็กนะครับ ห้องโรงแรมที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะขนาดประมาณนี้ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเขาครบครันนะ หลับสบายแน่นอน
? การเดินทาง : จาก Sapporo Station ขึ้นรถไฟจากชานชาลาที่ 7 สาย JR Lilac Kamui Kamui 19 ปลายทาง Asahikawa (ตั๋วราคา 5,220 เยน ) (แอดเริ่มใช้งาน Hokkaido Rail Pass 7 Day) นั่งไป 6 สถานี ลงที่ Asahikawa Station ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 25 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วเดินจาก Asahikawa Station ไปที่ที่พักประมาณ 290 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.courthotels.co.jp/asahikawa/
+ ที่ตั้ง : 9 Chome 1 Jodori, Asahikawa, Hokkaido 070-0031 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/8FAzS36E7nnt1wPC7
+ โทร : +81 166-26-0510
+ ค่าที่พัก 1 คืน 3,140 เยน
ร้านราเม็ง (Asahikawa Rāmen Aoba)
หลังจากเก็บของที่โรงแรมเรียบร้อย ก็ถึงเวลาไปกินข้าวกันแล้ว วันนี้แอดจะพาทุกคนไปกินราเม็ง มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ไม่ควรพลาดอะเนอะ แต่สิ่งที่พิเศษของราเม็งร้านนี้นอกจากราเม็งจะอร่อย น้ำซุปเข้มข้น ตัวสาหร่ายที่มากับราเม็งจะมีตัวอักษร และรูปปลาหมึกอยู่บนสาหร่ายด้วย เกร๋มะ น่ารักดี
? การเดินทาง : เดินจาก Court Hotel Asahikawa ไปที่ที่พักประมาณ 280 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www5b.biglobe.ne.jp/~aoba1948/
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒070-0032 Hokkaido, Asahikawa
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/sBJYcR62Tt4zCiix7
+ โทร : +81 166-23-2820
#วันที่3
ช่วงที่แอดไปเป็นช่วงใบไม้แดง แต่เมื่อวานก่อนนอนเลื่อนเจอว่ามีสถานที่ที่หิมะตกแล้ว ไม่ไกลจาก Asahikawa สามารถเดินทางด้วยรถเมล์จาก Asahikawaได้เลย วันนี้แอดเลยเลือกไปที่นั่น
Mt.Asahidake Ropeway
เช้าวันนี้แอดจะพาทุกคนไปภูเขาอาซาฮิดาเกะ เพื่อไปนั่งกระเช้า Mt.Asahidake Ropeway กัน ก่อนจะไปที่ Mt.Asahidake Ropeway แอดนั่งรถบัสจากแถวที่พักเลย ระหว่างทางที่รถบัสขับผ่านสวยมาก เพราะหิมะตกปกคลุมต้นไม้หมดแล้ว มองไปทางไหนก็ขาวโพลน นั่งมาสักพักก็มาถึงจุดขึ้นกระเช้าแล้ว ภูเขาอาซาฮิดาเกะ ยอดเขาที่สูงที่สุดของฮอกไกโดมีความสูงถึง 2,291 เมตร ด้านล่างภูเขามีหมู่บ้านอาซาฮิดาเกะออนเซ็น ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่เงียบสงบ การขึ้นไปสู่ยอดเขาอาซาฮิดาเกะจะต้องขึ้นกระเช้า Asahidake Ropeway ที่สถานีในหมู่บ้านอาซาฮิดาเกะออนเซ็น บอกเลยว่าระหว่างที่แอดนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขา แอดได้แต่อุทาน โอโห้ว สวยมาก สวยจริงๆ ยิ่งตอนกระเช้าไปถึงข้างบนแล้วแอดเดินเหยียบหิมะ เดินไปตามทางเรื่อยๆ ยิ่งสวยมากขึ้นเรื่อยๆ ความขาวโพลนก็ยิ่งมากขึ้น ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย แอดนึกว่าตัวเองอยู่ในหนังเรื่อง Frozen อยากจะร้องเพลงเลยทีเดียว หลังจากเดินไปถ่ายรูปไป แอดก็ซื้อไอศกรีมมากินเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นเท่าภายนอก แต่แปลกนะ ยิ่งหนาว ไอศกรีมยิ่งอร่อย หลังจากถ่ายรูปไปเยอะมากพอสมควร ก็ได้เวลาเปลี่ยนที่กันแล้ว
? การเดินทาง : จากที่พักเดินไปที่ Asahikawa Bus Station ขึ้นรถเมล์สาย 66 จากป้ายหมายเลข 9 ค่ารถบัสเที่ยวละ 1,450 เยน ต่อคน นั่งไปสุดสายประมาณ 1 ชม. 40 นาที แล้วขึ้นกระเช้าต่อประมาณ 10 นาที ไป – กลับ คนละ 1,900 เยน
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://asahidake.hokkaido.jp/th/
+ ที่ตั้ง : Asahidakeonsen Yukomanbetsu, Higashikawa-chō, Kamikawa-gun, Hokkaidō, Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/SzhfmAWpvwMryzjM7
+ โทร : +81 166-68-9112
Ningle Terrace
ที่ต่อไปที่แอดจะพาไปก็คือ Ningle Terrace วิวระหว่างทางที่แอดนั่งรถบัสผ่านก็ยังสามารถทำให้แอดต้องลั่นชัตเตอร์เก็บไว้กันเลยทีเดียว เพราะสวยมาก Ningle Terrace เป็นหมู่บ้านงานฝีมือและทางเดินไม้ในป่าที่เหมือนกับศิลปะในเทพนิยาย ประกอบด้วยร้านค้า 15 ร้าน (บ้าน 15 หลัง) ที่จำหน่ายสินค้าแบบออริจินัลของท้องถิ่น โดยมีร้านกาแฟ Chu Chu no Ie ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้าน เมื่อมองจากด้านนอกแล้ว ร้านค้าต่างๆ จะอยู่ไม่ไกลกันมาก ทำให้ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าตามความตั้งใจที่อยากให้ดูเหมือนเทพนิยายนั่นเอง แต่น่าเสียดายมาก ตอนแอดไปเขาปิด อดเห็นไฟสีเหลืองส้ม ประกอบกับภาพบ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว คงโรแมนติกและฟินน่าดู แต่ไม่เป็นไร ตอนที่แอดไปก็ยังสวยอยู่ไม่แพ้กัน
? การเดินทาง : ขึ้นรถเมล์จาก Furano Bus Station จากป้ายหมายเลข 4 นั่งไปสุดสายที่ New Prince Hotel ค่ารถ 260 เยน
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.princehotels.co.jp/furano-area/summer/ningle/
+ ที่ตั้ง : Nakagoryo, Furano, Hokkaido 076-0016 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/9uWJyGGhrxi4apUT7
+ โทร : +81 167-22-1111
โรงแรม AK STAR HOTEL Furano
หลังจากถ่ายรูปกันที่ Ningle Terrace แล้ว แอดก็เข้าไปเช็คอินที่โรงแรม ก่อนจะเข้าห้องขอแวะกินมื้อเย็นกันสักหน่อย มื้อเย็นวันนี้เป็นแบบปิ้งๆ แอดชอบมันปูมากๆ ตอนไปโตเกียวแอดไม่เคยพลาดเลย มาฮอกไกโดก็ไม่พลาดเหมือนกัน นอกจากแบบปิ้งๆแล้ว ยังมีข้าวปั้น ปลาดิบ ข้าวด้งด้วย หลังจากอิ่มท้อง แอดก็เข้าโรงแรมเพื่อไปพักผ่อน โรงแรมของแอดคืนนี้ชื่อว่า AK STAR HOTEL Furano ภายในห้องอาจไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าที่อื่น แต่ก็น่ารักนะ และหลับสบายเหมือนกัน
? การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจาก Mt.Asahidake Ropeway ค่ารถบัสเที่ยวละ 1,450 เยน ต่อคน กลับไปที่ Asahikawa Bus Station ไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่ Court Hotel Asahikawa
แล้วขึ้นรถไฟสาย ชานชาลาที่ 1 สาย Furano Line Local ปลายทาง Furano (ตั๋วราคา 1,290 เยน) นั่งไป 16 สถานี ลงที่ Furano Station ใช้เวลา 1 ชม. 12 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วเดินไปที่พักประมาณ 550 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : 12-34 Asahimachi, Furano, Hokkaido 076-0026 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://g.page/AK_Group_2019?share
+ โทร : +81 90-2315-6888
+ ค่าที่พัก 1 คืน 5,100 เยน
#วันที่4
วันนี้แอดเดินทางย้อนกลับมาที่เมือง Biei เพื่อที่จะไป บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond) และน้ำตก Shirohige Waterfall ก่อนที่จะยิงยาวไปที่ Noboribetsu
บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond)
วันนี้ที่แรกที่แอดจะพาทุกคนไปถ่ายรูปกันก็คือ บ่อน้ำสีฟ้า Shirogane Blue Pond เป็นบ่อน้ำที่ถูกกักไว้จากการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันโคลนถล่มบริเวณภูเขาไฟในแถวนั้น การที่น้ำในบ่อมีสีฟ้าสดกว่าบ่อน้ำทั่วไป ก็เป็นเพราะอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์จากการปะทุของภูเขาไฟที่อยู่ในน้ำได้สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา ซึ่งคำว่า Aoi-ike ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลเป็นไทยได้ว่า บ่อน้ำสีฟ้านั่นเอง ระหว่างทางรถไฟที่แอดนั่งผ่านก็สวย ให้ฟิลแบบสโลไลฟ์สุดๆ ตอนที่แอดไปถึงหิมะกำลังตกลงมาพอดี แต่ตกแบบบางๆ ความฟ้าของสีน้ำ ความเหลืองของใบไม้ ความขาวของหิมะ พอมาอยู่รวมกันภาพตรงหน้าเลยสวยเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แอดประทับใจมากๆ
? การเดินทาง : เดินจากที่พักไปที่ Furano Station ขึ้นรถไฟสาย Furano Line Local ปลายทาง Asahikawa (ตั๋วราคา 750 เยน) นั่งไป 7 สถานี ลงที่ Biei Station (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วขึ้นรถเมล์สาย Dohoku bus สาย 39 (ตั๋วราคา 550 เยน) ไปลงที่ Shirogane Blue Pond Entrance
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.biei-hokkaido.jp/ja/sightseeing/shirogane-blue-pond/
+ ที่ตั้ง : Shirogane, 美瑛町 Biei, Kamikawa District, Hokkaido 071-0235 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/oNVURhsEDqQBUw5Y7
+ โทร : +81 166-94-3355
น้ำตก Shirohige Waterfall
หลังจากนั้นแอดก็ไปที่ น้ำตก Shirohige Waterfall กันต่อเลย น้ำตกชิโรฮิเงะ (Shirohige) ในฮอกไกโด ติด 1 ใน 5 ของน้ำตกที่สวยที่สุดบนเกาะฮอกไกโดเชียวนะ เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงน้ำตกในฮอกไกโดต้องมีชื่อน้ำตกชิโรฮิเงะติดอยู่แน่ๆ น้ำตกแห่งนี้นั้นมีความสูงประมาณ 30 เมตร สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็จะเป็นน้ำที่ไหลลงมานั้นเป็นน้ำบาดาลที่ออกมาจากรอยแตกของหน้าผาไหลลงสู่แม่น้ำบิเอะ นอกจากนั้นยังมีความโดดเด่นของสีแม่น้ำที่เป็นสีฟ้าอมเขียว เกิดขึ้นจากแร่โคบอลต์ นอกจากน้ำตกจะสวยแล้ว รอบๆแถวน้ำตกยังมีที่สวยๆให้ถ่ายรูปอยู่ด้วยนะ ตอนที่แอดไปหิมะตกพอดีเลยทำให้พื้นถนนเป็นสีขาว ถ่ายรูปออกมาก็เลยสวยมาก หลังจากเดินถ่ายรูปอยู่สักพัก แถวนั้นมีร้านอาหารอยู่พอดี แอดเลยแวะทานข้าวซะเลย หลังจากอิ่มท้อง ก็ได้เวลาเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมกันแล้ว
? การเดินทาง : เดินประมาณ 3.2 กิโลเมตร
หรือ ขึ้นรถเมล์สาย Dohoku bus สาย 39 จาก Shirogane Blue Pond Entrance ไปลง Shirogane Hot Sping (รอบรถเมล์ค่อนข้างห่าง)
แอดโชคดีมีพี่ๆ คนไทยที่เช่ารถขับ ช่วยพาไปส่ง
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://town.biei.hokkaido.jp/about/event/illuminate.html
+ ที่ตั้ง : Shirogane, Biei, Kamikawa District, Hokkaido 071-0235 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/9CZQsu3kNwstXJFG6
+ โทร : +81 166-92-4321
โรงแรม Dormy Inn Higashi Muroran
โรงแรมในคืนนี้ของแอดชื่อว่า Dormy Inn Higashi Muroran ห้องสวย กว้างกว่าที่อื่นขึ้นมานิดนึง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลับสบายแน่นอน แต่ก่อนจะนอน แอดจะพาเพื่อนๆไปกินมื้อเย็นกันก่อน มื้อเย็นวันนี้แอดจัดไปเลยกับ ข้าวหน้าปลาไหล อร่อยฟิน ปลาไหลชิ้นใหญ่ๆ อิ่มสุดอร่อยสุด
? การเดินทาง : ขึ้นรถบัสสาย 39 จาก Shirogane Hot Sping ไปลง Biei Station
แล้วขึ้นรถไฟ สาย Furano Line Local ปลายทาง Asahikawa (ตั๋วราคา 640 เยน) นั่งไป 9 สถานีไปลงที่ Asahikawa Station (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วขึ้นรถไฟ สาย Lilac-KamuiLilac 2 Limited Express ปลายทาง Sapporo (ตั๋วราคา 5,220 เยน) นั่งไป 6 สถานี ไปลงที่ Sapporo Station ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 25 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วขึ้นรถไฟ สาย Super HokutoSuper Hokuto 2 Limited Express ปลายทาง Hakodate (ตั๋วราคา 5,220 เยน) นั่งไป 4 สถานี ไปลงที่ Higashi-Muroran Station ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 17 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วเดินจาก Higashi-Muroran Station ประมาณ 600 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.hotespa.net/hotels/higashimuroran/
+ ที่ตั้ง : 2 Chome-30-11 Nakajimacho, Muroran, Hokkaido 050-0074 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/VedcXAF9YFgFMD239
+ โทร : +81 143-41-5489
+ ค่าที่พัก 1 คืน 8,541 เยน
#วันที่5
วันนี้แอดนั่งรถไฟย้อนไปเที่ยว หุบเขานรก Jigokudani noboribetsu แล้วเดินทางไป Hakodate ต่อ
หุบเขานรก (Jigokudani noboribetsu)
เช้าวันนี้แอดจะพาทุกคนไป หุบเขานรก Jigokudani noboribetsu กัน ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง แฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียว อาจจะคุ้นๆอยู่บ้าง หุบเขานรกจิโงคุดานิ หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เป็นฉายาที่ได้รับการขนานนามว่า “Hell Valley” เรียกได้ว่าเป็นหุบเขาที่มีความงดงามอันเลื่องชื่อ ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประมาณกลางเดือนตุลาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงพีคสุดของการท่องเที่ยวของที่นี่เลย เพราะเราจะได้เห็นเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่รายล้อมเปลี่ยนเป็นสีแดงๆส้มๆทั่วทั้งพื้นที่ บอกเลยว่าสวยขั้นเทพเลยทีเดียว สวยมากๆ ภาพตรงหน้าแอดระหว่างทางเดินที่จะเดินไปแต่ละบ่อคือสวยจริง ใครที่ชอบถ่ายรูปคงชอบมากไม่แพ้กัน
? การเดินทาง : จาก Higashi-Muroran Station ขึ้นรถไฟสาย Super HokutoSuzuran 1Limited Express ปลายทาง Sapporo (ตั๋วราคา 1,290 เยน) นั่งไป 3 สถานี ไปลงที่ Noboribetsu Station (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วขึ้นรถบัสที่หน้าสถานี ป้าย N1 ไปลงที่ N11 Noboribetsu Onsen (ตั๋วราคาเที่ยวละ 350 เยน ) (ซื้อตั๋วเหมาไป – กลับ คนละ 640 เยน)
แล้วเดินต่อไปยัง Jigokudani noboribetsu ประมาณ 1 กิโลเมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : Noboribetsuonsencho, Noboribetsu, Hokkaido 059-0551 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/eJA83KN2CeauWLrJA
กลับไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม Dormy Inn Higashi Muroran แล้วเดินทางไป Hakodate ต่อ
โรงแรม Hotel All In Stay Hakodate
หลังจากเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่หุบเขานรกกันพอสมควร แอดก็เดินทางเข้าโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋า ห้องนอนของแอดคืนนี้ให้ฟิลแบบคนญี่ปุ่นที่แท้จริง เพราะนอนแบบปูฟูกนอน แอดชอบมาก ชอบนอนที่นอนแบบนี้ บรรยากาศในห้องนอนก็ดี น่านอนสุดๆ (แอดพักที่นี่ 2 คืนเลย)
? การเดินทาง : จาก Noboribetsu Station ขึ้นรถไฟสาย Super HokutoSuzuran 4Limited Express ปลายทาง Muroran (ตั๋วราคา 1,290 เยน) นั่งไป 3 สถานี ไปลงที่ Higashi-Muroran Station (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
ไปรับกระเป๋าที่ Dormy Inn Higashi Muroran
แล้วจาก Higashi-Muroran Station ขึ้นรถไฟสาย Super HokutoSuper Hokuto 10Limited Express ปลายทาง Hakodate (ตั๋วราคา 6,800 เยน) นั่งไป 9 สถานี ไปลงที่ Hakodate Station ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 18 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
เดินจากสถานี Hakodate Station ประมาณ 550 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.all-in-stay.com/
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒040-0063 Hokkaido, Hakodate, 32, 函館市若松町32-8
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/yLdNA2P1YkVXRHn37
+ โทร : +81 138-26-1515
+ ค่าที่พัก 2 คืน13,770 เยน
ร้านอาหาร Robata
หลังจากเก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาของมื้อเย็นกันแล้ว มื้อเย็นวันนี้แอดจะพาทุกคนไปกินปิ้งย่างอาหารทะเลกัน ร้านที่แอดพูดถึงชื่อว่า Robata นอกจากเป็นพวกปิ้งย่างแล้ว ยังมีพวกซาชิมิ ซูชิ ด้วย หอยตัวใหญ่มาก สดมาก และอร่อยมากๆด้วย
? การเดินทาง : เดินจากที่พักประมาณ 800 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://gossip-hakodate.gorp.jp
+ ที่ตั้ง : 11-16 Wakamatsucho, Hakodate, Hokkaido 040-0063 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/4rnWD876HrmAc7dq7
+ โทร : +81 50-3469-7417
หลังจากอิ่มท้องแอดก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เตรียมลุยเที่ยวพรุ่งนี้กันต่อ
#วันที่6
วันนี้แอดจะพาตะลุย Hakodate แบบรวดเดียวจบ แต่อดไปดูน้องลิงแช่อนเซ็น ที่ สวนพฤษศาสตร์โซนร้อนฮาโกดาเตะ (Hakodate Tropical Botanical Garden) เพราะยังไม่เปิดให้เข้าชม
ตลาดปลาอาไซจิ ฮาโกดาเตะ
(Asaichi Morning Market Hakodate)
เช้าวันนี้แอดจะพาทุกคนไปกินอาหารทะเลสดสดกัน ที่ ตลาดปลาอาไซจิ ฮาโกดาเตะ ภายในตลาดมีร้านขายอาหารทะเล ร้านผักและอาหารแห้งรวมอยู่กว่า 250 ร้าน ตลาดเช้าฮะโกดาเตะถูกเรียกว่าเป็น”ห้องครัวของชาวฮะโกดาเตะ”ก็เพราะว่าเป็นตลาดศูนย์กลางของฮอกไกโด ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบจากทั่วประเทศญี่ปุ่น หลังจากแอดเดินเลือกร้านสำหรับมื้อเช้าอยู่สักพักใหญ่ๆ เพราะร้านเยอะมาก ก็มาเจอร้านนึง ยืนดูเมนูอยู่หน้าร้านนานมาก เพราะแต่ละเมนูน่ากินไปหมด และราคาก็ไม่แพงด้วยนะ หลังจากลังเลอยู่นานแอดก็เลือกได้แล้ว น่ากินสุดๆ ไข่ปลาอิคุระก็กลมใสสุดๆ อร่อยมาก สดมาก ฟิ๊น ฟิน
? การเดินทาง : เดินจากที่พักประมาณ 800 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.hakodate-asaichi.com
+ ที่ตั้ง : 9-19 Wakamatsucho, Hakodate, Hokkaido 040-0063 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/VY3DPzXp5Mdt3j6x5
+ โทร : +81 138-22-7981
ที่ Hokkaido แอดใช้พาสแบบเหมารถบัส + รถราง 1 วัน ราคาใบละ 1,000 เยน ซื้อได้ที่สถานี JR Hokkaido Station และ Hokkaido ฺBus Station ได้เลย
วิธีการใช้งาน
ใช้เหรียญขูด วัน เดือน ปี ที่เราต้องการมใช้งาน 1 ใบ ใช้ได้ภายใน 1 วันเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถบัสและรถราง มากกว่า 5 ครั้งใน 1 วัน
ป้อมโกะเรียวคาคุ (Goryokaku Tower)
หลังจากอิ่มท้อง ก็ได้เวลาไปเที่ยวกันแล้ว ที่แรกที่แอดจะไปก็คือ หอคอยโกะเรียวคาคุ (Goryokaku Tower) นับเป็นจุดฮิตที่มาเที่ยวป้อมโกะเรียวคาคุแล้วจะต้องขึ้นไปชมวิวจากที่นี่ โดยหอคอยแห่งนี้นั้นมีความสูง 107 เมตรถ้ารวมสายล่อฟ้า แต่ถ้าไม่รวมจะสูงอยู่ราวๆ 90 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศใต้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2006 ด้านบนเป็นรูปห้าเหลี่ยมที่ทำให้ตัวหอคอยแลดูมีความแปลกตา ที่สำคัญก็ตรงที่สามารถขึ้นไปชมวิวป้อมดาวห้าแฉกได้อย่างชัดเจนแบบ 360 องศา ส่วนชั้นล่างสุดที่ฐานเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และลานจัดนิทรรศการ ระหว่างทางจะไป หอคอยโกะเรียวคาคุ แอดแวะถ่ายรูปคู่กับต้นแป๊ะก๊วยที่เหลืองได้แบบ เหลืองสุดๆจริงๆ สีเหลืองของใบไม้ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ยิ่งทำให้รูปที่แอดถ่ายออกมาสวยขึ้นไปอีก
? การเดินทาง : จาก Hakodate Bus Station ขึ้นรถบัสหมายเลข 5 จากป้ายที่ 4 (ใช้พาสแบบเหมารถบัส + รถราง 1 วัน ราคาใบละ 1,000 เยน เหมาะสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถบัสและรถราง มากกว่า 5 ครั้งใน 1 วัน) ไปลงที่ Goryokaku Tower
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.goryokaku-tower.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 43-9 Goryokakucho, Hakodate, Hokkaido 040-0001 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/GmwFG2XsirCNeyHv9
+ โทร : +81 138-51-4785
+ ค่าเข้าชม ครั้งละ 900 เยน ต่อคน
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ
(Kanemori Red Brick Warehouse)
ที่ต่อไปที่แอดจะพาทุกคนมาก็คือ โกดังอิฐแดงคาเนโมริ โกดังอิฐแดงริมน้ำ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำของอ่าวฮาโกดาเตะ ในเมืองฮาโกดาเตะ โกดังอิฐแดงของที่นี่นั้นเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงที่ให้บรรยากาศเก่าๆ ด้วยสิ่งก่อสร้างที่ดูคลาสสิกที่แม้จะดูเก่าแก่แต่ก็มีคลาสในเวลาเดียวกัน โดยเดิมทีที่นี่เคยเป็นคลังสินค้าอิฐสีแดงที่เคยใช้ค้าขายในปลายสมัยเอโดะ ภายหลังจากที่ไม่ได้ใช้งานเป็นคลังสินค้าแล้ว จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนจนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ใครที่ชอบถ่ายรูปอย่าลืมแวะมานะครับ เกร๋ดี
? การเดินทาง : เดินจาก Goryokaku Tower ประมาณ 700 เมตร ไปขึ้นรถรางที่ Goryokaku-Koen-Mae Station สายหมายเลข 2 นั่งไป 11 สถานี ลงที่ Jujigai Station (ตั๋วราคา 250 เยน) (แอดใช้พาสแบบเหมารถบัส + รถราง 1 วัน ราคาใบละ 1,000 เยน) แล้วเดินต่อประมาณ 500 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://hakodate-kanemori.com/
+ ที่ตั้ง : 14-12 Suehirocho, Hakodate, Hokkaido 040-0053 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/sCxRSHSnLcgnKFnj6
+ โทร : +81 138-27-5530
เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-zaka Slope)
แอดเดินทางต่อไปที่ เนินชมวิวฮาจิมันซากะ จะเป็นเนินเขาที่ลาดตัวลงไปจนถึงทะเลที่ด้านล่าง ซึ่งหากยืนจากที่จุดนี้จะเป็นแนวต้นไม้สองข้างทางยาวตลอดแนว และเบื้องหน้าจะเป็นวิวของท่าเรือฮาโกดาเตะ เนื่องจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดที่นิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาต่างๆ ในหน้าร้อนนั้นต้นไม้จะเป็นสีเขียวสด แต่ในฤดูหนาวช่วงที่ใบไม้ร่วงและหิมะตก จะมีการประดับไฟไว้ตามต้นไม้ เป็นจุดชมเทศกาล Hakodate Light Up ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย แอดชอบที่นี่เหมือนกันนะ สวยดี มาเดินถ่ายรูปเป็นพระเอกเอ็มวีเลย
? การเดินทาง : เดินจาก Kanemori Red Brick Warehouse ประมาณ 500 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : Motomachi, Hakodate-shi, Hokkaido, Suehirocho
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/Wy9bYjnRiVfsTFzL7
+ โทร : +81 138-21-3323
ย่านโมโตมาจิ โบสถ์ Motomachi
ที่ใกล้ๆกัน มีโมโตมาชิ โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกอยู่ด้วย แอดเลยแวะไปถ่ายรูปสักหน่อย โมโตมาชิเป็นโบสถ์นิกายคาทอลิกซึ่งสร้างในฮอกไกโด ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนพระชนม์ของศาสนาคริสต์ในประเทศญี่ปุ่นหลังจากถูกกดดันปราบปรามมาเป็นเวลาหลายปี ที่นี่สร้างในรูปแบบกอธิคและที่นี่เป็นหนึ่งในโบสต์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกันในโยโกฮาม่าและนางาซากิ ลักษณะที่โดดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือ หอระฆังรูปทรงสามเหลี่ยม และแท่นบูชาที่ได้รับมาจากสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งกรุงโรม
? การเดินทาง : เดินจาก Hachiman-zaka Slope ประมาณ 300 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://motomachi.holy.jp
+ ที่ตั้ง : 15-30 Motomachi, Hakodate, Hokkaido 040-0054 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/dU7cAbakT9tjNacQ9
+ โทร : +81 138-22-6877
ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate)
หลังจากนั้นแอดก็เดินทางไปที่ต่อไปเลย ที่ต่อไปเป็นจุดที่สามารถชมวิวเมืองฮาโกดาเตะได้แบบกว้างมากๆ และที่พีคคือตอนกลางคืน ยิ่งมืดวิวยิ่งสวย ที่ที่แอดพูดถึงก็คือภูเขาฮาโกดาเตะ วิธีขึ้นไปบนยอดเขามีหลายวิธี แต่แอดเลือกขึ้นกระเช้าเพราะสะดวกและรวดเร็ว ภูเขาฮาโกดาเตะ นับเป็นจุดชมวิวติดอันดัน 1 ใน 3 สถานที่ที่ดีที่สุด ร่วมกับภูเขาอินาซะที่นางาซากิและภูเขารอคโคที่โกเบ เลยนะ โดยภูเขาแห่งนี้มีความสูง 334 เมตร ยิ่งวันไหนท้องฟ้าโปร่งๆบอกเลยว่าวิวจะดีงามมากเป็นพิเศษเชียว แต่ยิ่งมืดก็ยิ่งสวย เพราะตึกทุกตึก ถนนหนทาง เปิดไฟกันหมด เลยทำให้ยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก
? การเดินทาง : เดินจาก Motomachi ประมาณ 500 เมตร ขึ้นกระเช้า ไป – กลับ (ตั๋วราคา 1,500 เยน)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://334.co.jp/tha/
+ ที่ตั้ง : Hakodateyama, ฮะโกะดะเตะ จังหวัดฮกไกโด 040-0000 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/bgM9F8HZQLjyrpjj7
+ ค่ากระเช้า ไป – กลับ ตั๋วราคา 1,500 เยน เที่ยวเดียว เที่ยวละ 1,000 เยน
หลังจากชมวิวจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว แอดก็กลับที่พัก โรงแรมคืนนี้คือที่เดียวกับเมื่อคืนเลย โรงแรม Hotel All In Stay Hakodate
? การเดินทาง : ขึ้นรถเมย์จาก Mt. Hakodate Ropeway (แอดใช้พาสแบบเหมารถบัส + รถราง 1 วัน ราคาใบละ 1,000 เยน) ไปลงที่ Hakodate Bus Station แล้วเดินกลับที่พัก
#วันที่7
วันนี้เราจะกลับเข้า Sapporo ไปเก็บกระเป๋าแล้วไปเที่ยว Otaru ต่อ
โรงแรม Hotel WBF Sapporo North Gate
เช้าวันนี้แอดออกเดินทางแต่เช้าเพื่อกลับเข้า Sapporo แล้วเดินทางต่อไปที่ Otaru แอดเลือกเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมกันก่อนเลย เพื่อไปเก็บกระเป๋า พร้อมลุยเที่ยว ที่พักในคืนนี้ชื่อว่า Hotel WBF Sapporo North Gate ห้องสวยมาก ตกแต่งหรูและดูดีสุดๆ หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว พร้อมลุยเที่ยวต่อเลย
? การเดินทาง : จาก Hakodate Station ขึ้นรถไฟสาย Super HokutoSuper Hokuto 3Limited Express ปลายทาง Sapporo (ตั๋วราคา 9,540 เยน) นั่งไป 13 สถานี ไปลงที่ Sapporo Station ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. 3 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass) ออกทางออก North Gate เดินต่อประมาณ 150 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.hotelwbf.com/sapporo-northgate
+ ที่ตั้ง : 4 Chome-2-6 Kita 6 Jonishi, Kita Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0806 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/AdtumFXdmnr5JFp17
+ โทร : +81 11-757-2001
+ ค่าที่พัก 3 คืน 21,301 เยน
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ
(Otaru Music Box Museum)
ที่แรกของวันนี้ แฟนๆกล่องดนตรีต้องอย่าพลาด เพราะที่ที่แอดพามาชื่อว่า พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ อาจรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ Otaru Orgel Museum แห่งนี้ เป็นร้านและพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ตั้งอยู่ที่อาคารโบราณของเมืองโอตารุซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1912 ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีความสูงถึง 9 เมตร ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณในสมัยเมจิทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่มีมนต์ขลัง ตัวอาคารแบ่งเป็นด้านหน้ากับด้านหลัง มีโถงที่เชื่อมต่อไปยังอาคารหินด้านหลังซึ่งจัดแสดงกล่องดนตรีมากมายหลายรูปแบบ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีมีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่า 3,400 ชนิด และมีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 25,000 ชิ้น มีหลายราคาให้เลือกซื้อได้ตามเหมาะสม สินค้าไฮไลท์เด่นก็คือ กล่องดนตรีนาฬิกาไอน้ำและคิตตี้ กล่องดนตรีนางฟ้า กล่องดนตรีแมวกวัก เป็นต้น แอดบอกเลยว่า มีเยอะมากกกกกกก เยอะแบบดูจนตาลายเลยทีเดียว น่ารัก น่าซื้อไปหมด แต่ใกล้ๆกัน ยังมีร้านสำหรับคนรักโตโตโร่ด้วย ทั้งร้านมีแต่โตโตโร่ แอดชอบสุดๆ ถูกใจแอด
? การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Rapid AirportRapid Airport 111Rapid ปลายทาง Otaru (ตั๋วราคา 1,280 เยน) นั่งไป 4 สถานี ไปลงที่ Minami-Otaru Station ใช้เวลาประมาณ 28 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
แล้วเดินไป Otaru Music Box Museum ประมาณ 550 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.otaru-orgel.co.jp/j_main.html
+ ที่ตั้ง : ４-1 Sumiyoshicho, Otaru, Hokkaido 047-0015 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/zqjnZRvDeG1ReTw79
+ โทร : +81 134-22-1108
ร้านด้านหลังพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
ร้านด้านข้างพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
ถนนช้อปปิ้ง Otaru Sakaimachi Street
หลังจากนั้น แอดก็ไปที่ ถนนช้อปปิ้ง Otaru Sakaimachi Street ต่อ เพราะอยู่ละแวกใกล้ๆกัน ย่านนี้คือย่านใจกลางเมือง เป็นสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกที่แอดแวะแล้วเรียบร้อย ยังมี ร้านเครื่องแก้ว ร้านขนมชื่อดังมากมาย เช่นร้านขนม LeTAO ที่นี่มี 2 สาขา และมีร้านคิตาคาโร่ (Kitakaro Otaru) อยู่ในถนนเส้นนี้ด้วย นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีร้านขายของฝาก ร้านของหวาน และร้านอาหารอื่นๆอีกเพียบ ไม่ใช่แค่นั้น ที่นี่ยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆเพียบ เพราะตึกต่างๆสวยมากกกกกก ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย ร้านน่ารักๆก็เยอะมากด้วย มาที่นี่สามารถเดินได้ทั้งวันเลย ของกินก็เยอะ อร่อยทั้งนั้น
? การเดินทาง : เดินจาก Otaru Music Box Museum ประมาณ 100 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒047-0027 Hokkaido, Otaru, Sakaimachi, 6−14 6
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/QrTT3Pj5irhU7ZR36
คลองโอตารุ (Otaru Canal)
ที่ต่อไปที่แอดจะพาทุกคนมาก็คือ คลองโอตารุ Otaru Canal ริมคลองโอตารุ ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ถ้าไม่มาเหมือนมาไม่ถึงเมืองโอตารูเลยทีเดียว คลองแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอตารุแบบมาง่ายมากๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างในปัจจุบันนี้จริงๆแล้วก็มีประวัติความเป็นมายาวนาน เพราะในอดีตเป็นท่าเรือที่คึกคักในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เรือลำใหญ่จะถ่ายสินค้าลงเรือลำเล็กและลำเลียงไปตามคลอง ต่อมาเมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากขึ้น ก็สามารถขนส่งสินค้าผ่านเรือลำใหญ่โดยตรงได้เลย ช่วงปี ค.ศ.1980 คลองแห่งนี้ได้รับการบูรณะให้สวยงามขึ้นจนน่าเที่ยว แถมโกดังริมคลองก็เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และร้านอาหาร ช่วงกลางคืนนี่เรียกว่าเป็นไฮไลท์เลย หลังจากเดินเล่นริมคลอง แอดก็หิวละ ได้เวลาของมื้อเย็น มื้อเย็นวันนี้แอดขอจัดเต็มสักหน่อย มีทั้งแบบสุกี้ยากี้ หมึกย่าง ปลาย่าง เนื้อย่าง เอาให้เต็มโต๊ะกันไปเลย พออิ่มแล้ว แอดก็กลับโรงแรมเลย ขอชาร์จแบตสักหน่อย
? การเดินทาง : เดินจาก Otaru Sakaimachi Street ประมาณ 600 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.city.otaru.lg.jp/kankou/miru_asobu_tomaru/kankosisetu/otaruunga.html
+ ที่ตั้ง : 5 Minatomachi, Otaru, Hokkaido 047-0007 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/FGzqSRbRRS1zL5iY8
จากนั้นแอดเดินกลับไปซื้อขนมและของฝากที่ ถนนช้อปปิ้ง Otaru Sakaimachi Street แล้วทางกลับที่พัก Hotel WBF Sapporo North Gate ใน Sapporo
? การเดินทาง : เดินจาก คลองโอตารุ Otaru Canal ไปที่ Minami-Otaru Station ขึ้นรถไฟสาย Rapid AirportRapid Airport 170Rapid ปลายทาง New Chitose Airport (ตั๋วราคา 1,280 เยน) นั่งไป 4 สถานี ไปลงที่ Sapporo Station ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass) ออกทางออก North Gate เดินต่อประมาณ 150 เมตร
#วันที่8
2 วันที่เหลือต่อจากนนี้จะเป็นการเที่ยวในเมือง Sapporo ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯกัน มาดูกันว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง
อุโมงค์เมเปิ้ล (Hiraoka Greenry Center)
เช้าวันนี้ แอดจะพาทุกคนไปว้าวพร้อมๆกับแอด เพราะที่ที่แอดจะพาไปบอกเลยว่า สวยมาก แอดประทับใจสุดๆ ประทับใจแบบจะจำไม่รู้ลืมเลยทีเดียว ที่ที่แอดพูดถึงคือ อุโมงค์เมเปิ้ล ต้นเมเปิ้ลสีแดงที่เรียงยาว ความสดของสีต้นเมเปิ้ลแดงได้แบบสะใจสุดๆ ว้าวมาก อลังมาก ไม่คิดว่าจะแดงได้มากขนาดนี้ อุโมงค์เมเปิ้ลแดง ที่มีปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และปีนี้แอดไปทันวันสุดท้ายที่สวนเปิดให้เข้าชมพอดี เป็นสวนที่อยู่ในซัปโปโร ไฮไลท์ของที่นี่คือ ทางเดินอุโมงค์ต้นเมเปิ้ลยาวไกลสุดตามากๆ แดงทั้งต้น เต็ม 2ข้างทางเลย ใครมีแพลนจะมาเที่ยวฮอกไกโด อย่าพลาดมาที่นี่ยะครับ ถ่ายรูปสวยมากจริงๆ
? การเดินทาง
– จาก Sapporo Station ขึ้นรถสาย New Chitose Airport ชานชาลาที่ 6 ไป 1 สถานี ลง Shin-Sapporo Station (ตั๋วราคา 870 เยน) (แอดใช้ Hokkaido Rail Pass)
– เปลี่ยนไปขึ้น Subway Tozai Line Miyanosawa ชานชาลาที่ 2 ไป 2 สถานี ลง Oyachi Station (T17)(ตั๋วราคา 210 เยน)
– ออกจากสถานีเลี้ยวซ้ายออกทางออก Bus terminal เลี้ยวขวาขึ้นบันไดเลื่อน แล้วไป ป้ายรถเมล์หมายเลข 4 ขึ้นรถเมล์สาย 69 ไปลงที่ป้าย Hiraoka 4-2 (ตั๋วราคา 210 เยน) สวนอยู่ขวามือ
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.sapporo-park.or.jp/jyugei
+ ที่ตั้ง : 3 Chome-1 Hiraoka 4 Jo, Kiyota Ward, Sapporo, Hokkaido 004-0874 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/vUwAkxR7juwPuHwT8
+ โทร : +81 11-883-2891
ชิบะขายมันเผา (Inu no Yakiimo ya-san)
(Baked sweet potato shop by Dog)
หลังจากถ่ายรูปที่อุโมงค์เมเปิ้ลเรียบร้อยแล้ว อีกที่ที่แอดจะพาไป เป็นที่ที่แอดก็ชอบมากสุดๆเหมือนกันคือ Baked sweet potato shop by Dog ร้านมันเผาน้องหมา ที่มี น้อง “เคน” จัง น้องหมาชิบะ เป็นพนักงานขายคอยต้อนรับลูกค้าทุกคน มันเผาถุงละ 200 เยน เท่านั้น เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ใครจะไปอุดหนุนต้องรบกวนเตรียมเงินไปให้พอดีด้วยนะครับ น้องไม่มีเงินทอน หยิบมันเผา แล้วหย่อนเงินใส่ตู้ได้เลย นอกจากมันเผาก็ยังมีเสื้อ และสติ๊กเกอร์น้องเคนอีกด้วย ใครเป็นสาวกน้องหมา ไม่ควรพลาดร้านนี้ น้องเคนน่ารักมากๆ บอกเลย แอดปลื้มน้องงงงงง
? การเดินทาง : จาก Sapporo Station ขึ้น Subway สายสีน้ำเงิน Toho Line ปลายทาง Fukuzumi ชานชาลาที่ 1 นั่งไป 7 ป้าย ลงที่ Fukuzumi Station (ตั๋วราคา 250 เยน)
เดินไปทางออก Bus Terminal ต่อรถบัสสาย 95 จากป้ายหมายเลข 5 นั่งไป 2 ป้ายลงที่ป้าย Sapporo Kokusai Daigakumae (ตั๋วราคา 210 เยน) แล้วเดินย้อนไปประมาณ 170 เมตร
?#รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : 1 Chome-15-11 Kiyota 2 Jo, Kiyota Ward, Sapporo, Hokkaido 004-0842 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/UbrNCKGcqhkSLVqG9
+ เปิด – ปิด : 11.00 – 15.00 น. หยุดเสาร์ – อาทิตย์
เล่นกับน้องอยู่พักใหญ่ๆ แอดก็เดินทางกลับโรงแรม โรงแรมคืนนี้คือที่เดียวกับเมื่อคืนเลย โรงแรม Hotel WBF Sapporo North Gate คืนนี้ต้องนอนให้เต็มอิ่ม เพราะพรุ่งนี้แพลนเที่ยวแอดแน่นเอียดเลย
#วันที่9
วันนี้เป็นวันเที่ยววันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้แพ็คของแล้วเดินทางกลับ วันนี้เลยได้ไปหลายที่ แต่ส่วนใหญ่สามารถเดินถึงกันได้เลย
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า
(Former Hokkaido Government Office Building)
วันนี้วันสุดท้ายแล้ว เพราะพรุ่งนี้แอดจะเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว วันนี้แอดเลยวางแพลนเที่ยวไว้แน่นพอสมควร ที่แรกที่แอดจะไปในเช้าวันนี้ก็คือ ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า หรือที่เรียกกันว่า ‘ทำเนียบอิฐแดง (Red Brick Office)’ เป็นอาคารที่ถูกสร้างตามแบบนีโอบาโรกของอเมริกาในปี ค.ศ. 1888 แท้จริงแล้วอาคารแห่งนี้เคยเกิดไฟไหม้บริเวณหลังคาส่วนกลาง ส่วนอาคารที่เราเห็นทุกวันนี้เป็นส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่ ปัจจุบัน ภายในอาคารเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งมีการจัดแสดงข้อมูลต่างๆ หลายๆ ด้านของฮอกไกโด อาทิ ผลงานทางด้านประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ดั้งเดิมอย่างเผ่าไอนุ เรื่องราวด้านการรบการทำสงครามสมัยก่อน ประวัติทางการทูต (มีของไทยด้วย) รวมถึงการศึกษาด้านภูมิศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นอาคารที่บรรจุเรื่องราวของฮอกไกโดเอาไว้ได้อย่างครบถ้วนก็ว่าได้ ตึกข้างนอกก็เหมาะกับการถ่ายรูปด้วยเหมือนกัน เพราะตึกสวยและสีของตึกก็สวยด้วย เป็นอีกจุดไฮไลท์ ที่ใครมาถึงซัปโปโรแล้วต้องมาที่นี่
? การเดินทาง : เดินจาก Sapporo Station ได้เลย ประมาณ 650 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.pref.hokkaido.lg.jp/
+ ที่ตั้ง : 6 Chome Kita 3 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-8588 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/DRXBd6ivDVuct2qf7
+ เปิด – ปิด : 08.45 – 17.30 น.
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)
ใกล้ๆกับศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า ยังมีหอนาฬิกาซัปโปโร เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ใครมาเมืองซัปโปโรไม่ควรพลาด ตัวอาคารของหอนาฬิกาสร้างขึ้นต้นสมัยพัฒนาซัปโปโร ในปี 1878 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตรซัปโปโร ตัวเรือนนาฬิกาซื้อมาจากกรุงบอสตัน โดยปัจจุบันนั้นหอนาฬิกาแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้ามาชมกัน ภายในนั้นมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสิ่งก่อสร้าง โดยแบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ในส่วนของชั้นที่ 1 จะเน้นการจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราว เกร็ดความรู้ และประวัติศาสตร์ของเมืองซัปโปโร และในส่วนที่ชั้น 2 จะจัดแสดงเกี่ยวกับนาฬิกา และยังมีส่วนห้องโถงสำหรับทำพิธีการต่างๆที่กว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่ามาแวะเป็นจุดแรกก่อนไปเที่ยวในส่วนอื่นๆของซัปโปโรเลยทีเดียว
? การเดินทาง : เดินจาก Former Hokkaido Government Office Building ได้เลย ประมาณ 800 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://sapporoshi-tokeidai.jp
+ ที่ตั้ง : 2 Chome Kita 1 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0001 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/88pFjCRXVn1wJQgi9
+ เปิด – ปิด : 08.45 – 17.00 น.
+ ค่าเข้าชม : 200 เยน
Sapporo TV Tower
ใกล้ๆกับ หอนาฬิกาซัปโปโร ยังสามารถเดินไปที่ Sapporo TV Tower ได้เลยด้วย Sapporo TV Tower เป็นหอกระจายสัญญาณโทรทัศน์ในซัปโปโร ด้วยความสูง 142.7 เมตร มีชั้นชมวิวสูงสุดที่ความสูง 90.38 เมตร หนึ่งในแลนมาร์คสำคัญของเมือง อยู่ที่สวน Odori ใจกลางเมืองซัปโปโร สร้างมาจากต้นแบบโตเกียวทาวเวอร์ แต่เล็กกว่า คนนิยมขึ้นไปชมวิวจากด้านบน ซึ่งสามารถมองลงมาที่สวน Odori ได้เลย เป็นอีกจุดที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืนช่วงกลางคืนเปิดไฟที่เสาสวยมากๆ
? การเดินทาง : เดินจาก Sapporo Clock Tower ได้เลย ประมาณ 300 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.tv-tower.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 1 Chome Odorinishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0042 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/WhTojYQorsf7Gdju5
+ เปิด – ปิด : 09.00 – 22.00 น.
+ ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 720เยน
อายุ 16 – 18 ปี 600เยน
อายุ 13 – 15 ปี 400เยน
อายุ 6 – 12 ปี 300เยน
อายุ 3 – 5 ปี 100เยน
โรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park)
หลังจากถ่ายรูปที่ Sapporo TV Tower เสร็จแล้ว แอดจะพาทุกคนมาย้อนวัยกัน ไม่ใช่แค่ย้อนวัยเท่านั้น สายของหวานก็ไม่ควรพลาดด้วยเหมือนกัน ที่ที่แอดจะพามาก็คือ โรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานของบริษัท Ishiya บริษัทช็อกโกแลตของท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของบริษัท คือ คุ้กกี้ Shiroi Koibio คุ้กกี้เนยสอดไส้ช็อกโกแลตขาวที่กินไปทีแทบละลายกับความอร่อย ซึ่งถือเป็นของฝากที่นิยมของฮอกไกโด ยิ่งช่วงฤดูหนาวจะยิ่งสวยมากกว่าปกติหลายเท่า เพราะในช่วงหน้าหนาวนั้นที่โรงงานแห่งนี้จะมีการเปิดไฟ Illumination ด้วยตึกเป็นอาคารสไตล์ยุโรปจึงทำให้บรรยากาศนั้นเหมือนหลุดไปเดินอยู่ในเมืองโรแมนติคของยุโรปเลยก็ว่าได้ ด้านในที่นี่มีที่ให้เดินอย่างเพียบ เพราะภายในบริเวณสวนสนุกประกอบด้วย ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์โรงงานช็อกโกแลตพร้อมจำหน่ายช็อกโกแลตหลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญยังสามารถเข้าไปดูการผลิตคุ้กกี้ได้ในระยะใกล้ๆ ได้อีกด้วย แอดเป็นผู้ชายแอดยังฟินเลย ช็อกโกแลตเยอะขนาดนี้ แถมมีไอศกรีมช็อกโกแลตอีก โอ๊ย ดีย์
? การเดินทาง : จาก Sapporo Station ขึ้น Subway สายสีส้ม Tozai Line ปลายทาง Miyanosawa ชานชาลาที่ 2 นั่งไป 7 สถานี ลงที่ Miyanosawa Station (ตั๋วราคา 290 เยน) แล้วเดินตามป้าย Shiroi Koibito Park ไปเรื่อยๆ ออกนอกตึก เลี้ยวขวา ข้ามถนนแล้วเดินต่อประมาณ150 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.shiroikoibitopark.jp/
+ ที่ตั้ง : 2 Chome-11-36 Miyanosawa 2 Jo, Nishi Ward, Sapporo, Hokkaido 063-0052 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/f3Q8qMHu9qWbeSZdA
+ เปิด – ปิด : 09.00 – 18.00 น.
+ ค่าเข้าชม : 600 เยน
ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market)
หลังจากดื่มด่ำกับความหวานจนรู้สึกเหมือนเบาหวานจะขึ้นแล้ว แอดก็นั่งรถไฟย้อนกลับมาแถวๆ Sapporo TV Tower เพราะที่ใกล้ๆกัน ยังมี ตลาดปลานิโจ Nijo Fish Market ที่ขายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง มีให้เลือกเยอะมาก ร้านเปิดตั้งแต่เช้าถึงช่วงเย็นเลย แต่ช่วงเย็นๆ ร้านจะเริ่มน้อย นอกจากของสด และอาหารแห้งแล้ว ใครที่หาของกิน อาหารทะเลสดๆ ลองแวะไปที่นี่กันดูนะครับ
? การเดินทาง : เดินไปที่ Miyanosawa Station ขึ้น Subway สายสีส้ม Tozai Line ปลายทาง Shinsapporo นั่งไป 8 สถานี ลงที่ Ōdōri Station (ตั๋วราคา 290 เยน) แล้วเดินจาก Sapporo TV Tower ได้เลย ประมาณ 400 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://nijomarket.com
+ ที่ตั้ง : 1 Chome Minami 3 Johigashi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0052 Japan
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/xc7dB6DbfUCBWh5p6
+ เปิด – ปิด : 07.00 – 18.00 น.
ย่านช้อปปิ้ง Tanukikoji Shopping Street
ที่สุดท้ายของทริปนี้ แอดจะมาปิดทริปที่ ย่านช้อปปิ้ง Tanukikoji Shopping Street ย่านนี้อยู่ใกล้กับตลาดปลานิโจ เดินมาได้เลย ถนนคนเดิน มีทั้งร้านอาหาร ของฝาก เสื้อผ้า ร้านรองเท้า ร้านขายยา ไดโซ ร้านเกมส์ จบในที่เดียว เป็นย่านที่ค่อนข้างคึกคักของซัปโปโร ใครหาที่ช้อปต้องไม่พลาดที่นี่ รับรองเงินในกระเป๋าสั่นเลย อะไรก็น่าซื้อ น่าสนใจไปหมด ด้วยความที่พรุ่งนี้แอดจะกลับไทยแล้ว แอดเลยเสียทรัพย์ไปกับที่นี่อยู่พอสมควร หลังจากเดินเล่นจนหนำใจ ก็ได้เวลากลับโรงแรมไปพักผ่อน เก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ โรงแรมคืนนี้ก็ยังคงเป็น โรงแรม Hotel WBF Sapporo North Gate เหมือนเดิม หลับสบายเลย
? การเดินทาง : เดินจาก Nijo Market ได้เลย ประมาณ 650 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://tanukikoji.or.jp/
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/SYhT1QWXozbpP4yR7
#วันที่10
เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบิน NokScoot เครื่องขึ้น 14.55 น. เคาน์เตอร์เช็กอิน D1 – D7 เคาน์เตอร์เช็กอินจะเปิด 11.55 น.
? การเดินทาง : จาก Sapporo Station ขึ้นรถไฟจากชานชาลาที่ 6 สาย Rapid AirportRapid Airport 90Rapid ปลายทาง New Chitose Airport (ตั๋วราคา 1,150 เยน ตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง) นั่งไป 6 สถานี ไปลงที่ New Chitose Airport Station ใช้เวลาประมาณ 37 นาที
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/RTY7HMS7vdUG5Y2v5
เป็นครั้งแรกในการมาฮอกไกโดของแอด และเป็นอีกทริปที่แอดประทับใจมากๆ เพราะแต่ละสถานที่สวยมากๆ นอกจากสถานที่ที่สวยแล้ว ธรรมชาติยังทำให้แต่ละที่สวยมากขึ้นไปอีก สีแดง สีเหลือง สีส้ม ของใบไม้ที่เปลี่ยนสี สีขาวของหิมะที่ตกกระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ทำให้แอดประทับใจไม่รู้ลืมเลยจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมืองไหน ผู้คนก็ยังน่ารัก อาหารก็ยังอร่อย สถานที่เที่ยวก็ยังคงสวยงามไม่ต่างกัน จะต่างกันก็แค่ภูมิภาค สภาพอากาศ แอดไปญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่กลับมา แอดก็ยังพูดเสมอว่า ให้กลับไปอีก แอดก็ไป ให้ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สำหรับใครที่กำลังวางแพลนเที่ยวฮอกไกโด เที่ยวตามแอดได้เลย ไม่ง้อทัวร์ ไม่ต้องเช่ารถ เดินทางด้วยรถสาธารณะทั้งทริป เที่ยวง่ายไม่แพ้กัน
และสำหรับใครที่กำลังจะจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น NokScoot เขามีเที่ยวบินตรงไปลง ซัปโปโร โอซาก้า และโตเกียวเลยด้วยนะ ที่นั่งกว้าง นั่งสบายไม่อึดอัด ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปดูวันและเวลาได้ที่ www.nokscoot.com/th
แอดเดินทาง 3 – 12 พฤศจิกายน 2562 (ช่วงนี้มีหิมะแล้ว)
#ค่าใช้จ่าย10วัน
– ค่าที่พัก 16,673 บาท (ที่พักทุกที่แอดจองก่อนเดินทาง 1 วันราคาค่อนข้างสูง ) หาร 2 คนละ 8,336 บาท
– ค่าเดินทาง + ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ 12,028 บาท ต่อคน(ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เลือกเดินทาง)
– ค่ากิน (ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
– ค่าช้อปปิ้ง (ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
– ค่าของฝาก (ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
– ตั๋วเครื่องบิน NokScoot ราคาเริ่มต้นที่ 4,770 บาท (อาจถูกหรือแพงกว่า ขึ้นอยู่กับช่วงที่จอง โปรโมชั่น )
รีวิวบนแฟนเพจ : 10 วัน บนเกาะฮอกไกโด เที่ยวแบบไม่ง้อรถเช่า
#NokScoot #BigBird #Hokkaido #Sapporo #บินตรงซัปโปโรกับนกสกู๊ต #บินไกลสบายกว่าราคาคุ้ม #ฮอกไกโดโอ้โหว้าว #ซัปโปโร #ฮอกไกโด #ที่เที่ยวฮอกไกโด #ที่เที่ยวซัปโปโร #จุดเช็คอินซัปโปโร #จุดเช็คอินฮอกไกโด #แพลนฮอกไกโด #แจกแพลนเที่ยวฮอกไกโด #ฮอกไกโดครั้งแรก
