ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู ในแต่ละฤดูจะมีความสวยที่แตกต่างกัน แอดเชื่อว่าหลายคนคงไม่ชอบหน้าฝน แต่แอดอยากบอกว่าเที่ยวญี่ปุ่นหน้าฝน ก็สนุก สวยและดีไม่แพ้ฤดูอื่นๆเลย ที่สำคัญไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกและนักท่องเที่ยวน้อย จะไปเที่ยวไหนหรือไปกินอะไร ก็ไม่ต้องต่อคิวไม่ต้องแย่งใคร มีเวลาเหลือให้ได้ใช้ในแต่ละที่เต็มที่และยังได้ถ่ายรูปแบบเต็มอิ่ม เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่มั้ย ทริปนี้แอดจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าฝนกัน แอดไปอยู่ 3 จังหวัดในภูมิภาคชูบุ(Chubu) คือ ไอจิ(AICHI), มิเอะ(MIE), กิฟุ(GIFU) บอกเลยว่าฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคของการเที่ยวและการกินของแอดแต่อย่างใด แอดยังเที่ยวจัดเต็มและกินจัดหนักเหมือนเดิม ครั้งนี้แอดมาเที่ยวโซนภูมิภาคชูบุอีกครั้ง รอบนี้แอดเดินทางกับสายการบิน Thai Lion Air บินตรงจากดอนเมืองมาลงที่นาโกย่า ตามไปอ่านกันเลยว่าญี่ปุ่นหน้าฝนดียังไง และแอดจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
สำหรับใครที่อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น อยากรู้สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากขึ้น สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.jnto.or.th/
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก การท่องเที่ยวญี่ปุ่น – Visit Japan
วันแรก
- สนามบินดอนเมือง
- Hotel Jalcity Nagoya Nishiki
- ร้านอาหารเย็น Gomitori
วันที่ 2
- Gozaisho Ropeway
- มื้อกลางวัน ร้านเนื้อ Matsuzaka “Kagura”
- Ise Shrine
- Okage Yokocho
- โรงแรม Kaiyoro
วันที่ 3
- Futami Okitama Shrine
- Mikimoto Pearl island
- มื้อกลางวัน Ama Hut BBQ
- Gifu Grand Hotel
- มื้อเย็น ร้าน Kawaramachi Izumiya
- Nagaragawa Ukai
วันที่ 4
- นั่งรถไฟสาย Nagaragawa
- Gujyo-Hachiman
- Monet’s Pond
- Gero Onsen Gassho village
- ที่พัก Gero Onsen Suimeikan
วันที่ 5
- Flight of Dreams : Chubu Centrea Airport
- กรุงเทพฯ
วันแรก
แอดเดินทางจากสนามบินดอนเมืองบินตรงไปลงที่สนามบิน Chubu Centrea Airport (นาโกย่า) ด้วยสายการบิน Thai Lion Air เขามีบินตรง 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พร้อมบริการอาหารว่างฟรี นอกจากบินไปลงที่เมืองนาโกย่า พี่สิงโตยังมีบินไปลงเมืองโตเกียว ฟุกุโอกะ และโอซาก้าอีกด้วย เนื่องจากแอดบินไฟท์เช้า ทำให้ไปถึงที่ญี่ปุ่นช่วงเย็นพอดี แอดเลยเลือกจะไปเก็บของที่โรงแรมกันก่อน
Hotel Jalcity Nagoya Nishiki
จากสถานีรถไฟนาโกย่าเดินประมาณ 15 นาทีก็จะถึงโรงแรมที่แอดพักคืนแรกแล้ว โรงแรม Jalcity Nagoya Nishiki พึ่งเปิดเมื่อเดือนมกราคม 2019 ห้องสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บอกเลยว่าคืนนี้แอดหลับสบายฝันดีแน่นอน ห้องวันธรรมดาราคาประมาณ 12000 เยนต่อคน(รวมอาหารเช้า)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.nagoya-nishiki.jalcity.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 1-chōme-16-36 Nishiki, Naka-ku, Nagoya, Aichi 460-0003 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/6Zjb4ZntP1JsTQkx5
หลังจากเก็บของที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของมื้อเย็น บอกเลยว่าแอดหิวมากกกกก มื้อแรกที่นาโกย่า แอดจะพาทุกคนไปกินอาหารท้องถิ่นของนาโกย่ากัน
Gomitori
ร้าน Gomitori เป็น original pub ในนาโกย่า ร้านนี้มีอาหารหลากหลายเมนูที่หากินได้เฉพาะในนาโกย่าเท่านั้น อย่างเช่น miso stew, miso pork cutlet skewers , Nagoya Cochin chicken, deep-fried wings และอีกหลายเมนู บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนูเลย ใครไปนาโกย่าอย่าลืมไปลองร้านนี้กันนะครับ จากสถานีรถไฟ Sakae ออกทางออก 8 เดินประมาณ 3 นาทีก็ถึงร้านแล้ว
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://r.gnavi.co.jp/n002806/
+ ที่ตั้ง : 3 Chome-18-6 Meieki, Nakamura Ward, Nagoya, Aichi 450-0002 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/VXRJZ7gt19G8GX9t6
+ เวลาเปิด – ปิด : 17:00 – 05:00 น.
หลังจากอิ่มท้อง แอดนั่งเล่น นั่งชิลต่ออีกพักนึง หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม ไปอาบน้ำ พักผ่อน เตรียมลุยเที่ยวต่อในวันถัดไป
วันที่ 2
Gozaisho Ropeway
วันนี้แอดจะพาทุกคนไปเริ่มต้นวันกันที่ ภูเขาโกไซโช ภูเขาโกไซโชมีความสูงราวๆ 1,212 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางธรรมชาติในมิเอะ ที่สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดู ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Gozaisho Ropeway ทุกคนจะเห็นวิวของภูเขาได้จากมุมสูงและมองเห็นวิวได้กว้างไกล แบบ 360 องศา ค่าขึ้นกระเช้า(ไป-กลับ) 2400 เยนต่อคน แอดพูดได้เลยว่า สวยมากๆ ที่ Gozaisho Ropeway อย่าลืมลองสั่ง Shiro Tettou soft cream พึ่งทำออกมาเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ Gozaisho Ropeway และมีมาสคอตประจำที่นี่ชื่อ Blance ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ขาว” ในราคา 500 เยน สดชื่นมากกกกกก
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จาก Meitesu Bus Center (Nagoya) นั่งรถบัส ประมาณ 60นาที ตั๋วราคา 1400เยน (บริษัทรถบัส Mie-Kotsu) วันธรรมดามีวันละ 1รอบ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ มีวันละ 2รอบ (รอบน้อย และมีแต่รอบตอนเช้าเท่านั้น)
จากสถานี Kintetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kintetsu ต่อที่สถานี Kintetsu Yokkaichi ลงที่สถานี Kintetsu Yunoyama Onsen ต่อรถเมล์ ลงที่ป้าย Gozaisho Ropeway mae ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 10นาที ค่าเดินทางทั้งหมด 1200เยน(ค่ารถไฟ850เยน, ค่ารถเมล์ 350เยน)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.gozaisho.co.jp/
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒510-1233 จังหวัดมิเอะ Mie District, Komono, 湯の山温泉
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/zFtw4CVWJRNMov5R7
+ เวลาเปิด – ปิด : เดือนเมษายน – พฤศจิกายน 09:00 – 17:00น. เดือนธันวาคม – มีนาคม 09.00 – 16.00 น.
หลังจากขึ้นกระเช้าชมวิว ภูเขาโกไซโช และได้ถ่ายรูปวิวสวยๆกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาของมื้อกลางวันแล้ว มื้อกลางวันวันนี้พิเศษสุดๆ เพราะแอดจะพาทุกคนไปกินเนื้อ Matsusaka กัน
Matsusaka “Kagura”
ร้านนี้ทุกคนสามารถกินเนื้อ Matsusaka ได้ 2 แบบ ได้ทั้งแบบสุกี้ยากี้ และแบบปิ้งย่างกับหินลาวาภูเขาไฟฟูจิ ไม่ว่าจะกินแบบไหน ก็อร่อยฟินทั้ง 2แบบ เนื้อนุ่มละลายในปากแบบสุดๆ ทั้งเซตของ Sukiyaki และ Ganbanyaki(หินลาวาภูเขาไฟฟูจิ) มีข้าว,ซุปมิโสะ, สลัด,ผักรวม, ผักดอง, ของหวาน ให้เหมือนกัน ทั้ง 2เซตมีราคาเท่ากันคือ 5500 เยน+tax ใครชอบแบบไหนสั่งแบบนั้น หรือจะลองทั้ง 2 แบบก็ได้ อร่อยมากทั้งคู่ จากสถานี Kintetsu Isuzugawa เดินประมาณ 15-20 นาที หรือนั่งแท็กซี่ ประมาณ 5 นาที ก็จะถึงร้านเลย
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เวลาเปิด – ปิด : 11.30-20.00 น.
Ise Shrine
หลังจากอิ่มท้อง แอดก็ไปศาลเจ้า Ise Shrine กันต่อ Ise Shrine เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสำหรับชาวญี่ปุ่น เป็นศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะที่นี่ถือเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่น ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย มีอายุยาวนานกว่าสองพันปี บรรยากาศบริเวณศาลเจ้าก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว สวยและรู้สึกสดชื่นมากๆเลย หลังจากไหว้พระขอพร เดินเล่นถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว ใกล้ๆศาลเจ้ามีถนนดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยของกิน แอดเลยขอไปเดินเล่นสักหน่อย
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.isejingu.or.jp/
+ ที่ตั้ง : 1 Ujitachichō, Ise, Mie 516-0023 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/VmMJebd2jDmM4BNk6
+ เวลาเปิด – ปิด : 05.00 – 18.00 น.
Okage Yokocho
ย่าน Okage Yokocho มีระยะทางประมาณ 900 เมตร สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายของกิน ขายขนม ขายของที่ระลึก บรรยากาศร้านค้าของที่นี่สร้างออกมาโดยการจำลองมาจากยุคสมัยเอโดะ-เมจิ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนไปญี่ปุ่นในสมัยก่อน ใครมาแอดแนะนำไอศกรีมมันหวาน ในราคา 300เยน เพราะมันอร่อยและสดชื่นมาก นอกจากไอศกรีมก็ยังมีซูชิหน้าเนื้อที่วางมากับข้าวเกรียบ และยังมีของอร่อยอีกเพียบ หลังจากเดินเล่น เดินกิน ถ่ายรูปกันแบบเต็มอิ่มแล้ว แอดก็เลือกที่จะเข้าไปเช็คอินที่ที่พัก ที่พักของแอดคืนนี้เป็นแบบเรียวกัง
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.okageyokocho.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 52 Ujinakanokirichō, Ise, Mie 516-8558 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/5MmN7c6ZZGZRJnLa9
+ เวลาเปิด – ปิด : 09.30 – 17.00 น.
Kaiyoro
เป็นเรียวกังที่เปิดมานานมาก ภายในห้องใหญ่และกว้างมาก มีแยกห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าวเป็นสัดส่วนแบบชัดเจน บรรยากาศในเรียวกังให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปอยู่ญี่ปุ่นในสมัยก่อนมากๆ ใครที่ชอบที่พักที่ให้ฟิลแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แอดแนะนำที่นี่เลย ที่นี่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวดังๆด้วยนะ อย่างเช่น หินคู่รัก ฯลฯ ค่าที่พัก(รวมอาหารสองมื้อ) ราคาประมาณ 10000 เยนต่อคน มื้อเย็นของที่เรียวกังนี้อุดมสมบูรณ์มากๆ มีทั้งเนื้อและซีฟู้ด รวมถึงของหวาน แอดบอกเลยว่าเรียวกังที่นี่ให้มื้อเย็นแบบจัดเต็มจริงๆ อิ่มและยังอร่อยด้วย
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จากสถานี Kintetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kintetsu ลงที่สถานี Iseshi เปลี่ยนสายเป็น JR Sangu ลงที่สถานี Futami no ura (ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง 10นาที ค่ารถไฟ 1660เยน) จากสถานี Futami no ura เดินอีกประมาณ 13นาที
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://kaiyoro.com/
+ ที่ตั้ง : 566-4 Futamichō Chaya, Ise, Mie 519-0609 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/rYPZFCArjmkUsgwS8
วันที่ 3
อย่างที่แอดบอกไว้ว่าเรียวกังที่แอดพักเมื่อคืน อยู่ใกล้กับ Meoto Iwa Rocks หรือหินคู่รัก เช้านี้หลังจากกินมื้อเช้าแล้ว แอดเลยเดินออกมาเพื่อไปถ่ายรูปที่ Meoto Iwa Rocks
Futami Okitama Shrine
Futami Okitama Shrine เป็นศาลเจ้าที่คู่รัก คู่แต่งงานนิยมมาขอพรกันเป็นอย่างมาก และยังขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าแห่งความหวังของคนโสดที่มักจะมาขอพรให้ได้พบเจอเนื้อคู่ด้วย นอกจากศาลเจ้า ไฮไลท์ของที่นี่คือ หินคู่รัก หรือ Meoto Iwa Rocks เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครมาเที่ยวที่จังหวัดมิเอะ ก็ต้องแวะมาขอพรเรื่องความรัก บ
ริเวณศาลเจ้าจะมีรูปปั้นกบเต็มไปหมด นั่นเพราะศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพเจ้า SARUTAHIKO OKAMI ซึ่งมีกบเป็นตัวแทนของพระเจ้าคอยดูแลคุ้มครองอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า หากมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างช่องของหินทั้งสองจะทำให้โชคดี ประสบความสำเร็จสมหวังดั่งที่ตั้งใจ บอกเลยว่าคนโสด คนแอบรัก ไม่ควรพลาด
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : เดินทางด้วย Kintetsu Railway มาลงที่สถานี Ujiyamada หรือ Toba ก็ได้ แล้วก็นั่งรถบัสต่อเข้ามาที่ศาลเจ้า
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://kyoka.mie-jinjacho.or.jp/shrine/%E4%BA%8C%E8%A6%8B%E8%88%88%E7%8E%89%E7%A5%9E%E7%A4%BE/
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒519-0602 Mie, Ise, Futamichōe
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/co4k5W1pppp
Mikimoto Pearl island
หลังจากนั้นแอดก็ไปที่ Mikimoto Pearl island กันต่อ Mikimoto Pearl island ตั้งอยู่ในอิเซะชิมะทางตอนใต้ของจังหวัดมิเอะ นับว่าเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆด้านไข่มุกระดับเกรดพรีเมี่ยมจนถือได้ว่าไข่มุกของที่นี่เป็นราชาของไข่มุกเลยก็ว่าได้อีกทั้งยังเป็นที่แรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตมุกเลี้ยงเป็นเจ้าแรกของโลก ไฮไลท์ของเกาะแห่งนี้นั่นก็คือ อามะ (Ama) หรือหญิงสูงวัยนักดำน้ำซึ่งทำหน้าที่ดำลงไปใต้ทะเลเพื่อที่จะเก็บหอยมุก
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จากสถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Kintetsu ลงที่สถานี Toba ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง (ค่ารถไฟ 1710เยน)จากสถานี Toba เดินอีกประมาณ 5นาที
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : 1-chōme-7 Toba, Mie 517-0011 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/6ng8a78KGYR3q7op6
+ เวลาเปิด – ปิด : 8:30 – 17:00 น.
หลังจากเดินเล่น Mikimoto Pearl island รอบๆแล้ว ก็ได้เวลาของมื้อกลางวัน มื้อกลางวันวันนี้ก็พิเศษมากๆ เพราะเราจะกินอาหารทะเลที่อามะดำลงไปเก็บมาให้กัน
Amagoya Osatsu Kamado “Ozegosan”
อามะ (Ama) เป็นการเรียกผู้หญิงสูงวัยที่ทำอาชีพงมหอย เป็นการทำการประมงแบบดั้งเดิม ผู้หญิงที่มาเป็นอามะจะมีอายุที่มาก ทุกคนจะได้สัมผัสกับเสน่ห์การทำอาหารกันแบบสดๆ โดยมีอามะ จัดการปิ้งอาหารทะเลกันตรงหน้า และจัดเสิร์ฟให้เรากินแบบร้อนๆ แอดบอกเลยว่า ของทะเลสดมากๆ เพราะเก็บขึ้นมาปุ๊บก็ทำให้เรากินปั๊บ ถ้าใครสนใจแอดแนะนำให้จองมาล่วงหน้านะครับ ค่าใช้บริการ 3500 เยนต่อคน นอกจากซีฟู้ดแล้วยังมีข้าวและน้ำซุปให้ด้วย จองได้ที่ https://osatsu.org/sp/
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จากสถานี Toba bus center นั่งรถบัส (Kamone Bus) ประมาณ 45นาที ลงที่ป้าย Osatsu (ค่ารถบัส 600เยน)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://osatsu.org/en/sp/
+ ที่ตั้ง : 452 Ōsatsuchō, Toba, Mie 517-0032 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/QfPTrfrcg9uL1mvu6
+ เวลาเปิด – ปิด : 11:30 – 14.00 น.
Gifu Grand Hotel
หลังจากนั้นแอดก็เข้าไปเช็คอินที่ที่พักกันก่อน กลับไปเก็บของ พักผ่อนสักหน่อย โรงแรมของแอดคืนนี้ชื่อว่า Gifu Grand Hotel ภายนอกเหมือนโรงแรมทั่วไป แต่ในห้องพักเป็นแบบเรียวกัง ห้องกว้างใหญ่ ห้องน้ำเห็นวิวสวยมาก จากหน้าต่างห้องน้ำสามารถเห็นวิวภูเขาได้ด้วย ห้องนอนสะอาดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บอกเลยว่าแอดนอนหลับสบายสุดๆ ห้องพัก(นอน 2 คน) รวมอาหารเช้าคนละประมาณ 10000เยน ถ้านอนคนเดียว ราคาประมาณ 14000 เยน
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.gifugrandhotel.co.jp/
+ ที่ตั้ง : ญี่ปุ่น 〒502-8567 Gifu, Nagara, 648
+ แผนที่ Gps : https://g.page/gifugrandhotel?share
Kawaramachi Izumiya
หลังจากพักผ่อนแบบเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาของมื้อเย็น มื้อเย็นวันนี้ก็พิเศษอีกแล้ว เพราะทุกเมนูที่เรากินจะมีปลาอายุ (Ayu )อยู่ในนั้นด้วย ร้านที่แอดพูดถึงอยู่ชื่อว่า Kawaramachi Izumiya ทั้งของคาวและของหวานของร้านนี้จะมีส่วนผสมของปลาอายุ (Ayu) อยู่ด้วย เกร๋มาก ร้านนี้มีเมนูแบบเป็นคอร์สด้วย Ayu course 3240 เยน (มี8อย่าง) แต่ต้องจองล่วงหน้านะครับ นอกจากมีแบบเป็นคอร์สก็ยังมีเมนูปกติที่สามารถสั่งได้ด้วย
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.nagaragawa.com/
+ ที่ตั้ง : 〒500-8007 Gifu, Motohamachō, 20
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/X8swKXdT69SXfF9X6
Nagaragawa Ukai
หลังจากกินอิ่ม แอดจะพาทุกคนไปดูประเพณีการจับปลาแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นกัน Nagaragawa Ukai เป็นประเพณีการใช้นกกาน้ำเป็นตัวช่วยในการจับปลา แต่ปัจจุบันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เพื่อรักษาประเพณีนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังดู วิธีการจับปลาแบบนี้จะเรียกว่า “Ukai” (อุไค) คือการล่องเรือไปตอนกลางคืน โดยใช้ไฟเป็นตัวล่อปลา จากนั้นก็ปล่อยนกกาน้ำที่ถูกเชือกรัดคอไว้ลงไปในน้ำ เมื่อนกคาบปลามาได้ ชาวประมงจะกระตุกเชือก ไม่ให้นกกลืนปลาลงท้อง Ukai season จะจัดขึ้นวันที่ 11 พฤษภาคม ถึง วันที่ 15 ตุลาคมของทุกปี ส่วนใครที่อยากมาชมสามารถจองผ่าน https://www.ukai-gifucity.jp/Ukai/e/ ได้เลยครับ หลังจากดูการแสดงเสร็จ แอดก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เตรียมพร้อมเที่ยวในวันต่อไป
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.ukai-gifucity.jp/ukai/
+ ที่ตั้ง : 1-2 Minatomachi, Gifu, 500-8009 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/SHTABqv15gRqYqe86
วันที่ 4
Nakara Train
เช้านี้แอดจะพาทุกคนไปนั่งรถไฟสายนะกะระ (Nakara Train) ขบวนรถไฟสีแดงสุดเท่ ชมวิวแม่น้ำนะกะระกะวะ วิวตลอดเส้นทางสวยมาก รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนแบบเต็มที่จริงๆ ในรถไฟยังมีเสิร์ฟอาหารอร่อยๆ ตลอดการเดินทาง บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลว่าจะหิว เพราะมีอาหาร ขนม และของว่างมาตลอดจริงๆ รถไฟสาย Nagaragawa รถไฟขบวนท่องเที่ยว Nagara no.1
เปิดให้บริการวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จากสถานี Mino-Ota(ออก 10.45) ถึงสถานี Gujo -Hachiman(12.16) รถไฟมี 2ประเภท Lunch plan 12000เยน (รวมบริการอาหาร, 2days pass) มีกำหนดที่นั่ง มี 25 ที่นั่ง (ต้องจองล่วงหน้า) View plan รถไฟธรรมดา 500 เยน(ไม่มีบริการอาหาร) ไม่กำหนดที่นั่ง มี 38 ที่นั่ง
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/SRGbKLhkaSpiMikv8
หลังจากนั่งรถไฟมาสักพัก แอดก็มาถึง Gujo Hachiman เรียบร้อยแล้ว ที่นี่ดังเรื่องอาหารจำลองมากๆ นอกจากเรื่องอาหารจำลองแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักมาก ตอนแอดเห็นปุ๊บ แอดหลงรักเลย เป็นเมืองเล็กๆในชนบทที่มีบรรยากาศดั้งเดิม แม้เมืองจะเล็กแต่เสน่ห์ในการท่องเที่ยวไม่เล็กตามเมืองเลย เพราะมีที่เที่ยวเพียบทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ วัดและศาลเจ้า อีกทั้งยังมีเทศกาลเต้นรำฤดูร้อนอันโด่งดัง และสายน้ำบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่รู้จักกันดีอีกด้วย เรียกได้ว่าแหล่งท่องเที่ยวที่นี่มีครบ เมืองนี้น่ารักและธรรมชาติสวยมากจริงๆ
Sample Kobo
วันนี้แอดจะพาทุกคนมาเวิร์คชอปทำอาหารจำลองกัน ที่ Sample Kobo เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภายใต้ธีมของอาหารตัวอย่างจากบริเวณฮาชิมะของ Gujo Hachiman ส่วนใหญ่ผลิตตัวอย่างอาหารประจำชาติ ดังนั้นมันจึงเป็นอุตสาหกรรมในท้องถิ่นของภูมิภาคนี้ Sample Kobo ถูกสร้างในอาคารที่มีอายุกว่า 150 ปี รวมถึงยังมีนิทรรศการ,อาหารตัวอย่าง,จุดจำหน่ายสินค้า,การทำเวิร์คชอปผลิตสินค้า ทุกคนสามารถซื้อตัวอย่างอาหารจำลองซึ่งเป็นที่ห้อยมือถือหรือกุญแจและปากกาจากที่นี่ได้ด้วย
รวมถึงยังสามารถเรียนรู้วิธีทำอาหารจำลองด้วยตัวเองได้ด้วย แอดบอกเลยว่าทำได้เหมือนจริงมากๆ น่ากินกว่าของจริงอีก ค่ากิจกรรม 1200เยน+tax ต่อคน ใช้เวลาประมาณ 30-60นาที
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : Japan, 〒501-4227 Gifu, Gujo, 八幡町橋本町956番地
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/skQmaPCKBwWYjh2LA
+ เวลาเปิด – ปิด : จันทร์ – ศุกร์ 9.30-17.00 น. เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 9.00-17.00 น.
Monet’s Pond
หลังจากที่แอดได้ไปทำอาหารจำลอง จากนั้นเดินทางมาต่อกันที่ Monet’s pond หรือบ่อน้ำไร้ชื่อ อยู่ในบริเวณศาลเจ้าเนมิจิ (Nemichi Shrine) ที่นี่เคยเงียบสงบมากๆ เริ่มเป็นที่รู้จักก็เพราะว่าที่นี่สวยงามเหมือนภาพวาด ด้วยน้ำที่ใสสะอาดมาก มองลงไปเห็นภาพธรรมชาติใต้น้ำ ดอกบัว และปลาสีสวยตัดกับสีของน้ำและใบไม้แหวกว่ายในบึงไปมา ทำให้เกิดภาพที่สวยงามมากจริงๆ แอดเห็นแล้วคิดว่ามันคือภาพวาด คือมันสวยจริงๆ อยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตัวเอง เรียกว่าเป็นอีกอันซีนของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จากสถานี JR Gifu ขึ้นรถบัสจุดที่ 12 สาย N83 (เส้นทาง Gifu Itadori ไป Horado Kiwi Plaza) ลงที่ป้าย Horado Kiwi Plaza ใช้เวลาประมาณ 90 นาที (ค่ารถบัส 660 เยน/เที่ยว) และต่อรถบัส Itadori Fureai อีกประมาณ 15 นาที ลงที่ป้าย Ajisai-en Mae ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เดินต่ออีก 150 เมตร
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.city.seki.lg.jp/0000008969.html
+ ที่ตั้ง : 441 Itatori, Seki, Gifu 501-2901 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/LXsTBgBLjzH69gDF7
Gero Onsen Gassho village
หลังจากนั้นแอดจะพาทุกคนมาเที่ยวที่ Gero-Onsen Gassho-mura ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณอยู่ที่เมือง Gero Onsen โดยจำลองเป็นชุมชนหมู่บ้านที่มีหลังคาหญ้าหนาๆ สไตล์กัชโชจำนวน 10 หลัง บ้านที่นี่เป็นของจริงมาจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะและหมู่บ้านโกคายามะที่เป็นมรดกโลกนำมาประกอบขึ้นใหม่ที่นี่ ที่นี่ไม่สามารถนอนค้างได้ แต่ที่นี่มีโรงแสดง มีบ่อแช่เท้าให้บริการ มีพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ที่นี่สวยมากๆเลย ถ่ายรูปออกมาสวยมาก มีความเขียวเต็มไปหมด รู้สึกสดชื่นสุดๆ (ค่าเข้า 800 เยน)
? การเดินทาง
รถสาธารณะ : จาก Nagoya โดยสาร JR Hida limited express ไปลงที่ Gero (90 นาที 4,500 เยน รถไฟออกทุกๆ 1-2 ชั่วโมง )(สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้)จาก Takayama โดยสารรถไฟ limited express(45 นาที 2,000 เยน รถไฟออกทุกๆ 1-2 ชั่วโมง) หรือรถไฟท้องถิ่น(1 ชั่วโมง 970 เยน รถไฟออกทุกๆ 1-2 ชั่วโมง)
โดยรถบัสประจำทาง
จาก Nagoya Station โดยสารรถบัสทางหลวงไปลงที่สถานี Gero Station(2.5 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย เที่ยวเดียว 2,200 เยน ไปกลับ 3,100 เยน) บัสออกเดินทางจากนาโกย่าช่วงบ่าย และออกจากเกโระในช่วงเช้า
จาก Takayama โดยสารรถประจำทางท้องถิ่นไปลงที่ Gero Onsen (90 นาที 1,010 เยน บัสออกทุกๆ 1-2 ชั่วโมง)
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : http://www.gero-gassho.jp/
+ ที่ตั้ง : 2369 Mori, Gero, Gifu 509-2202 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/6ydTFa1udmXhnQZXA
+ เวลาเปิด – ปิด : 08.30 – 17.00 น.
หลังจากที่วันนี้เราเที่ยวกันแบบจัดเต็ม ก็ได้เวลาเข้าที่พักกันแล้ว ที่พักของแอดคืนสุดท้ายก็ยังเป็นแบบเรียวกัง
Gero Onsen Suimeikan
Gero Onsen Suimeikan เป็นเรียวกังที่วิวสวยมากๆ สวยไม่แพ้กันเลย เห็นทั้งภูเขา หมู่บ้านเล็กๆ และแม่น้ำ น่ารักมาก แอดชอบที่นี่จริงๆ ที่นี่ยังคงความธรรมชาติได้ดีมากๆ ในห้องพักของเราก็สวยและน่านอนเหมือนกัน ห้องใหญ่ แบ่งสัดส่วนการใช้งานได้อย่างชัดเจน สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ที่นี่เป็นเรียวกังยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ติด Top 3 แหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ไฮไลท์คือห้องอาบน้ำน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นที่มีให้เลือกได้มากถึง 3 ห้องเลย ชอบสไตล์ไหนก็จัดไป มื้อเย็นของเรียวกังที่นี่เป็นเซ็ทอาหารญี่ปุ่นแบบจัดเต็มมาเลย อร่อยมากๆด้วย คืนนี้แอดนอนหลับสบายจริงๆ
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.suimeikan.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 1268 Kōden, Gero, Gifu 509-2206 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/uni1iscoLoz5YKDU7
หลังจากที่วันนี้เราเที่ยวกันแบบจัดเต็ม ก็ได้เวลาเข้าที่พักกันแล้ว ที่พักของแอดคืนสุดท้ายก็ยังเป็นแบบเรียวกัง
Gero Onsen Suimeikan
Gero Onsen Suimeikan เป็นเรียวกังที่วิวสวยมากๆ สวยไม่แพ้กันเลย เห็นทั้งภูเขา หมู่บ้านเล็กๆ และแม่น้ำ น่ารักมาก แอดชอบที่นี่จริงๆ ที่นี่ยังคงความธรรมชาติได้ดีมากๆ ในห้องพักของเราก็สวยและน่านอนเหมือนกัน ห้องใหญ่ แบ่งสัดส่วนการใช้งานได้อย่างชัดเจน สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ที่นี่เป็นเรียวกังยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ติด Top 3 แหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ไฮไลท์คือห้องอาบน้ำน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นที่มีให้เลือกได้มากถึง 3 ห้องเลย ชอบสไตล์ไหนก็จัดไป มื้อเย็นของเรียวกังที่นี่เป็นเซ็ทอาหารญี่ปุ่นแบบจัดเต็มมาเลย อร่อยมากๆด้วย คืนนี้แอดนอนหลับสบายจริงๆ
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://www.suimeikan.co.jp/
+ ที่ตั้ง : 1268 Kōden, Gero, Gifu 509-2206 ญี่ปุ่น
+ แผนที่ Gps : https://goo.gl/maps/uni1iscoLoz5YKDU7
วันสุดท้าย
วันนี้แอดจะเดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว เราเลยนั่งจาก gero กลับมาที่สถานีนาโกย่า และนั่งรถไฟเข้าไปที่สนามบิน Chubu Centrair แต่แอดยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ที่สนามบิน Chubu Centrair มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย ที่ให้เราสามารถเล่นฆ่าเวลาได้ วันนี้แอดมีที่ใหม่มาแนะนำ
Flight of Dreams
นั่นก็คือ Flight of Dreams เป็น Museum จัดแสดงเครื่องบินสุดเจ๋งซึ่งจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับแสงสีที่โชว์ร่วมกับเครื่องบิน ภายใน Flight of Dreams จะแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน ก็คือ Flight Park ซึ่งเป็นโซนจัด Museum และนิทรรศการของเครื่องบิน โซนที่สองจะเรียกว่า Seattle Terrace หรือโซนนั่งชิล มีร้านอาหารมากมาย สามารถมาหาอะไรกินที่นี่พร้อมชมวิวเครื่องบินไปด้วยได้เลย ส่วนโซนสุดท้ายคือ Boeing Store คือร้านขายของที่ระลึก ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Fly with 787 Dreamliner เป็นการจัดแสดง แสง สี เสียง ร่วมกับเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ซึ่งการแสดงนี้สร้างโดย teamLab ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่สร้างนิทรรศการ teamLab ที่กรุงโตเกียวเลย แอดบอกเลยว่าสวย เจ๋งและเท่สุดๆ การเข้าชม Flight Park จะมีค่าเข้า 1,200 เยน (ผู้ใหญ่) 800 เยน (เด็ก) และยังมีตั๋วแบบ Group ให้จองล่วงหน้าด้วย สามารถจองได้ที่ https://flightofdreams.jp/en/ticket/
? รายละเอียดเพิ่มเติม
+ เว็บไซต์ : https://flightofdreams.jp/en/ticket/
หลังจากที่แอดชมการแสดงของเครื่องบิน เดินเล่น ถ่ายรูป หาอะไรกิน และซื้อของเรียบร้อย ก็ได้เวลาเช็คอินกลับไทยกันแล้ว
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่แอดประทับใจมากๆ แอดเจอฝนทุกวัน ชุ่มช่ำทุกวัน แต่ไม่ได้ทำให้ความสนุกในการเที่ยวลดน้อยลงไปเลย กลับสนุกขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งฝนตก ธรรมชาติยิ่งสวย “ญี่ปุ่น” สำหรับแอด เที่ยวได้ทุกเดือนจริงๆ แต่ละเดือน แต่ละฤดูมีความสวยงามที่ไม่ซ้ำแบบกันเลย หลายที่แอดเคยไปมาแล้ว แต่ว่าการไปที่เดิมในเวลาที่ต่างก็ให้ความรู้สึกต่างออกไปเหมือนกัน ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปกี่ครั้งแอดก็ไม่เคยเบื่อ กลับชอบมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น สำหรับใครที่ชอบญี่ปุ่นแต่ไม่อยากไปช่วงที่คนเยอะๆ หรือเจอค่าห้องแพงๆ แอดแนะนำช่วงหน้าฝน ค่าห้องถูก ค่าตั๋วถูกและนักท่องเที่ยวน้อย ถ้าเริ่มสนใจกันแล้ว วางแพลนเที่ยวแล้วจองตั๋วไปเที่ยวกันเลยดีกว่า สุดท้ายนี้ขอบคุณ JNTO ที่ทำให้แอดได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆในทริปนี้
รีวิวบนแฟนเพจ : “Chubu” 15 จุดเช็คอิน…ญี่ปุ่นหน้าฝน
#ญี่ปุ่น #ภูมิภาคชูบุ #รีวิวญี่ปุ่น #กิฟุ #มิเอะ #ไอจิ #ญี่ปุ่นหน้าฝน #เที่ยวญี่ปุ่น #นาโกย่า #Chubu #Mie #MonetsPond
#Japan #UnseenJapan#Review #Gifu #GifuPrefecture #MiePrefecture #AichiPrefecture
#JNTOThailand #visitjapanth #ThailionAir #ไทยไลอ้อนแอร์#Freedomtofly