จากเสียงเรียกร้องของลูกเพจและผู้
… เชื่อไหมครับว่ามีหลายคนเลยนะครับที่มาญี่ปุ่นตั้งหลายครั้งแต่ว่าไม่เคยได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง แบบเต็มๆ ตาซักที
แต่ก่อนที่จะไปญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆ ได้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง ยังไงบ้าง (จดทำเป็น Checklist ไว้เลยก็ได้) เผื่อใครอ่านจบแล้วอยากไปล่าฟูจิด้วยกัน จะได้เตรียมตัวได้ถูก ^^
- วางแพลน
วางแพลนว่าเราจะว่าเราจะไปที่ไหน จุดใดบ้าง มีสถานที่อะไรน่าสนใจบ้าง อย่าไปสุ่มเสี่ยงเอาดาบหน้า เพราะถึงเวลาจริงคุณอาจจะเที่ยวได้ไม่กี่ที่ เพราะการไปดูฟูจิ มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบคาวากูจิโกะ , ฮาโกเน่เมืองน่ารักใต้วิวฟูจิ แต่ถ้าใครเพิ่งเริ่มต้นไปดูฟูจิแอดมินแนะนำว่าควรไปฮาโกเน่
- วางแผนการเดินทาง
เมื่อวางเพลนแล้วเราก็ต้องวางแผนการเดินทางว่าแต่ละจุดห่างกันเท่าไหร่ ต้องเดินทางอย่างไร นั่งรถบัส หรือจะนั่งรถไฟ ก็ต้องศึกษาเส้นทางให้ดีว่าต้องขึ้นลงที่สถานีไหน ออกทางออกที่เท่าไหร่ ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก หากไม่วางแผนดีๆ รับรองเสียเวลาในการเดินทางแน่นอน และเผื่อความชัวร์ ควรมีอินเตอร์เน็ตดีๆ ติดตัวไปด้วย
- เช็คอุณหภูมิ
เช็คอุณหภูมิช่วงที่จะเดินทางไปให้ดี จะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูก ยิ่งช่วงอากาศติดลบ ทะเลสาบแข็งเป็นน้ำแข็ง ยิ่งต้องเตรียมเสื้อผ้าที่อุ่นพอ ดังนั้นจะไปช่วงไหนเช็คสภาพอากาศให้ดีครับ
- ซื้อประกันการเดินทาง
ทุกการเดินทางของเรา เราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ของหาย เครื่องบินจะยกเลิกไฟล์ท อยู่ดี ๆ เกิดป่วยขึ้นมา หรือจะเกิดอุบัติเหตุอะไรระหว่างเดินทาง เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย ดังนั้นเราเซฟความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ
- เตรียมอินเตอร์เน็ตให้พร้อม หรือเลือกซิมเที่ยวญี่ปุ่น
เตรียมวางแผนเที่ยวแล้วอีกอย่างที่ลืมไม่ได้ก็คือ อินเตอร์เน็ต แอดมินแนะนำเป็นซิมการ์ด เพราะไปต่างประเทศไหนจะต้องเปิด map ดูเส้นทาง ไหนจะต้องหาข้อมูลต่างๆ โทรติดต่อกับโรงแรม ไหนจะเอาไว้ติดต่อกับเพื่อนเวลาแยกกันเที่ยว ไหนจะต้องใช้อัพรูปลงเฟซบุ๊คอีก เราจึงควรเลือกซิมการ์ด ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเรา อย่างล่าสุดแอดมินได้ไปรู้จักกับ ซิม GO! อินเตอร์จากดีแทค เป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นที่ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว เพราะเราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เต็มสปีด 4 GB อายุการใช้งานยาวนานถึง 10 วัน ในราคา 399 บาท จัดว่าเป็นซิมที่มีจำนวนวันให้เราใช้งานได้นานที่สุด ถ้าเน็ตหมดก็ยังใช้ต่อได้ที่ความเร็ว 128 Kbps สำหรับแอดมินเน็ต 4GB พอใช้สบายๆ แถมยังมีบริการพิเศษ ให้เราเล่นเน็ตในประเทศได้ถึง 6 ชั่วโมง ก่อนขึ้นเครื่องอีกด้วย ซิม GO! อินเตอร์ ที่นอกจากใช้ได้ที่ญี่ปุ่นแล้ว ยังใช้เป็นซิมเที่ยวเกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ได้อีกรวม 25 ประเทศ และถ้าเปิดใช้งานแล้วแต่แพ็กยังไม่หมดอายุ 10 วันก็สามารถนำไปใช้ต่อที่ประเทศอื่นๆ ได้ แถมยังสามารถโทร dtac call center ที่เบอร์ +662 202-8100 จากต่างประเทศ ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
เป็นซิมที่ค่อนข้างตอบโจทย์มากทั้งเล่นเน็ตในไทยก่อนขึ้นเครื่อง และถ้าแพ็กยังไม่หมดอายุสามารถนำไปใช้ต่อประเทศอื่นได้อีก จะเที่ยวญี่ปุ่นก็ได้จะไปเกาหลีใต้ก็ดี ซิม GO! อินเตอร์ ซิมเดียวจบ หาซื้อได้ที่ dtac Hall ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะไปซื้อที่สนามบินก็มีนะที่สุวรรณภูมิ / ดอนเมือง / ภูเก็ต และสมุย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย www.dtac.co.th/gointer
- เตรียมเงิน
จะไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือประเทศไหน ต่างก็ใช้เงินสกุลที่ต่างจากบ้านเรา เราจึงควรแลกเงินให้เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ของเรา ทั้งสำหรับจ่ายค่ารถ จ่ายค่าที่พัก จ่ายค่าอาหาร และซื้อของฝาก และที่สำคัญอย่าลืมเช็คค่าเงินของประเทศนั้นๆ ช่วงที่เราเดินทางด้วยนะ เพราะจะช่วยให้ประหยัดไปได้อีกนิดนึง 🙂
จด List เตรียมตัวพร้อมแล้วมาเริ่มทริป ตามล่า หาฟูจิ ครั้งหนึ่งในชีวิต…ต้องได้เจอ ของเราดีกว่า สำหรับทริปญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาของแอดมินบอกเลยว่าเป็นทริปที่เกินคำว่าคุ้มค่า เพราะมาญี่ปุ่นครั้งแรกก็ได้เห็นฟูจิซังแบบเต็มตา อลังการสมกับเป็นพระเอกของทริปนี้จริงๆ แค่ก้าวเท้าแตะสนามบินฮาเนดะเราก็เห็นฟูจิซังโดดเด่นรอต้อนรับเราอยู่แล้ว และแน่นอนครับภาพแรกของทริปนี้ก็คือภาพของฟูจิซัง
เป้าหมายของเราในครั้งนี้ คือการเที่ยวชมความสวยงามของฟูจิซังไปกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่บริเวณรอบฟูจิซัง ซึ่งก็ต้องบอกว่ามีหลายจุดมาก มาครั้งเดียวก็คงเที่ยวไม่หมด ในทริปนี้แอดมินก็เลยเลือกที่จะไป “กินไข่ดำที่หุบเขา Owakudani – แวะกินอาหารกลางวันวิวหลักล้านที่ Fujimatsu Tembo Restaurant – ชมความสวยงามของหมู่บ้าน Oshino Hakkai – แช่ออนเซนและพักผ่อนอย่างสบายใจที่ Yamanakako Sunplaza”
ที่แรกที่ หุบเขา Owakudani หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า หุบเขานรก สาเหตุที่คนเรียกกันแบบนี้ก็เพราะว่า บริเวณนั้นเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยแร่กำมะถัน มีควันพุงขึ้นมาตลอดเวลา ตั้งอยู่บนความสูง 1,044 เมตรจากระดับน้ำทะเล
เป็นสถานที่ตั้งของสถานีรถกระเช้า Owakudani และเส้นทางเดินไปยังหุบเขาแร่กำมะถัน สถานที่ท่องเที่ยวแสนขึ้นชื่อของฮาโกเน่ เมื่อลงจากกระเช้าแล้วให้เดินข้ามทางม้าลายมายังร้านค้าอีกฟากหนึ่งเพื่อเดินขึ้นไปชมบ่อน้ำแร่กำมะถันบนเขาครับ (ค่าเข้าฟรี) ทางเดินก่อนถึงทางเดินขึ้นไปยังบ่อกำมะถันจะมีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย ถ้าใครหิวก็แวะชิมอะไรอร่อยๆ ก่อนได้เลยครับ
มาที่นี่สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือของขึ้นชื่ออย่าง “ไข่ดำ” ซึ่งเป็นไข่ที่นำไปต้มในบ่อกำมะถัน คนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าเมื่อกินไข่ดำ 1 ฟอง จะทำให้อายุยืนยาวขึ้น 7 ปี แอดมินก็เลยจัดไปสามฟองเลย ไข่ดำจะมีจำหน่ายอยู่ทั้งที่ร้านค้าด้านล่าง และบริเวณจุดชมบ่อกำมะถันด้านบนเขา
คนส่วนใหญ่จะขึ้นไปกินไข่กันข้างบนมากกว่า เพราะได้บรรยากาศมากกว่าครับ ช่วงที่แอดมินไปอากาศหนาวมากประมาณ – 7 องศา หิมะขาวโพลนไปหมด จากจุดชมวิวของ Owakudani เราก็จะมองเห็นฟูจิซังได้อย่างชัดเจน กินไข่ดำอุ่นๆ ท่ามกลางหิมะ และวิวฟูจิสวยๆ ฟินสุดๆ ไปเลย
ออกจากหุบเขา Owakudani เราก็มาแวะกินอาหารกลางวันกันที่ Fujimatsu Tembo Restaurant
ที่นี่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว วิวจากร้านยังเป็นวิวระดับล้าน เห็นฟูจิซังแบบ full HD จะถ่ายรูปจากมุมไหนก็สวย ถ่ายรูป เช็คอิน อวดเพื่อนได้เลย เมนูอร่อยของที่ร้านก็หลายอย่างเลย แอดมินเลือกกินเป็นชุดบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน มีอาหารให้เลือกหลายเมนู แกงกะหรี่ก็อร่อย ซูชิก็ดี กินไปมองฟูจิซังไป ดีอะไรแบบนี้! …
กินอิ่มแล้วห้ามพลาดถ่ายรูปจากจุดชมวิวหน้าร้าน มองออกไปจะเห็นเมือง Gotemba วิวด้านหลังก็จะเป็นฟูจิซังที่ตั้งตระหง่านอยู่ ยิ่งเป็นช่วงที่ฟ้าเปิด อากาศดี ถ่ายรูปวิวนี้ ถ่ายยังไงก็สวย
ที่ต่อไปที่เราจะไปเที่ยวกันก็คือ หมู่บ้าน Oshino Hakkai หรือ หมู่บ้านน้ำใส เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ประกอบด้วยบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 8 บ่อในOshino (คำว่า Hakkai แปลว่าบ่อ ) ตั้งอยู่ระหว่าง Lake Kawaguchiko กับ Lake Yamanakako ซึ่งเป็นพื้นที่เก่าของทะเลสาบแห่งที่ 6 ที่แห้งไปเมื่อ 200-300 ปีที่แล้ว น้ำที่อยู่ในบ่อทั้ง 8 บ่อ เป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน ที่ไหลมาจากทางลาดใกล้ๆ ภูเขาไฟฟูจิผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษ นี่ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ หมู่บ้านน้ำใส นั่นเองครับ ที่นี่มีความสวยงามในระดับที่ว่าได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางธรรมชาติในปีค.ศ. 1934 และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ทางน้ำที่งดงามร้อยอันดับในปี ค.ศ. 1985 อีกด้วย
คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าน้ำใน 8 บ่อนี้ไม่ใช่แค่น้ำที่ใสสะอาดเท่านั้น แต่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้าใครได้ดื่มกินจะมีอายุยืน ไม่เจ็บไม่ป่วย ซึ่งเค้าอนุญาตให้นักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถวักน้ำจากในบ่อขึ้นมาดื่มได้ หรือถ้าหากอยากเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกหรือของฝากก็สามารถซื้อขวดจากร้านค้าบริเวณนั้นแล้วกรอกน้ำไส่ขวดกลับไปได้ครับ
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และซุ้มรอบๆ บ่อ ที่ขายทั้งผัก ขนมหวาน ผักดอง งานฝีมือ และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอื่นๆ บางร้านยังขายมันเทศหวานย่างอร่อยๆ ด้วยเหมาะมากๆ กับช่วงอากาศหนาวแบบนี้ ช่วงที่แอดมินไปสตอเบอรี่กำลังมีผลผลิตออกให้เราได้ชิมกัน ลูกโต หวาน หอม ถูกใจสุดๆ ไปเลย
แสงสุดท้ายของวันหมดลงที่หมู่บ้านน้ำใส หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Yamanakako Sunplaza
ซึ่งมี Lake Kawaguchiko อยู่ด้านหน้าโรงแรมเลยครับ
ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะว่าตอนเช้าจะได้เห็นทั้งวิวทะเลสาบด้านหน้าโรงแรม ส่วนด้านหลังก็จะเป็นวิวฟูจิซัง
เหนื่อยจากเดินทางมาทั้งวันขอแช่ออนเซนให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า กินบุฟเฟ่ต์อร่อยๆ ของทางโรงแรม แล้วก็เข้านอนชาร์ตพลังเตรียมตัวตื่นมาถ่ายภาพวิวสวยๆ เช้าวันพรุ่งนี้กันดีกว่าครับ
… เช้านี้รีบตื่นมากินอาหารเช้า แล้วก็ออกมาถ่ายรูปวิว Lake Kawaguchiko ริมทะเลสาบช่วงทางเดินมีแต่หิมะขาวโพลนเต็มไปหมดเพราะเมื่อคืนหิมะตกค่อนข้างหนัก แต่เช้านี้โชคดีที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเราเลยออกมาเดินเล่นกันได้แบบไม่หนาวมากนัก แต่เดินเล่นได้ซักพักเดียวเท่านั้นแหละ หิมะตกอีกแล้ว!!!
สำหรับการเดินทางเที่ยวรอบๆ ฟูจิซังนั้นมีหลายวิธี … บริเวณรอบทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิจะมี Hub การขนส่งหลักๆ อยู่ 2 แห่ง คือที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko และ สถานี Fujisan ที่อยู่ในสายรถไฟของ Fujikyu เพราะทั้ง 2 สถานีนี้จะมีเครือข่ายรถบัสวิ่งไปตามส่วนต่างๆ ของทั้ง 5 ทะเลสาบรอบฟูจิ
รถบัสเที่ยวหรือ Retro Bus หรือ Sightseeing Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุดในการเที่ยวบริเวณรอบๆ ทะเลสาบ Kawaguchiko และทะเลสาบ Saiko โดย Retro Bus นี้จะแบ่งเป็น 2 สายคือ สายที่วิ่งวนขึ้นไปทางเหนือของทะเลสาบ Kawaguchiko เริ่มต้นที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ Kawaguchiko มีรถวิ่งทุกๆ 15 นาที และอีกสายที่เริ่มที่เดียวกันแต่จะวิ่งลงทางใต้ของทะเลสาบ Kawaguchiko แล้วไปวิ่งรอบทะเลสาบ Saiko ต่อ
Sightseeing Bus All Line (Red, Green, Blue) ราคา 1,500 เยน
Kawaguchiko and Saiko Retro Sightseeing Bus ราคา 1,200 เยน
ซึ่งบัตรโดยสารทั้งสองแบบนี้มีอายุการใช้งานสองวัน และไม่สามารถเปลี่ยนคืนเป็นเงินสดได้
เข้าไปเช็กรอบรถบัสและเส้นทางเดินรถได้ที่ http://bus-en.fujikyu.co.jp/heritage-tour/detail/id/1/
ส่วนทะเลสาบ Yamanako และสวนสนุก Fuji Q สามารถนั่งรถบัสที่หน้าสถานีรถไฟคาวากูชิโกะที่จะไปชินจูกุได้เลย
สำหรับทะเลสาบอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมน้อยกว่า หรือบางสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ห่างไกลเช่น หมู่บ้าน Oshino Hakkai จะสามารถเดินทางได้โดยรถบัสอื่นๆ ของ Fujikyu หรือรถบัสของท้องถิ่น แต่จะวิ่งวันละไม่กี่รอบเท่านั้น จะต้องเช็กเวลาวิ่งให้ดี สามารถขอตารางเวลาและเส้นทางการวิ่งได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟคาวากูชิโกะเลย
อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของการเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบฟูจิก็คือการเช่าจักรยาน อย่างที่สถานี Kawaguchiko ก็จะมีร้านเช่าจักรยานอยู่ 2-3 ร้าน ค่าเช่าจักรยานแบบบ้านๆ ก็ราคาประมาณ 1,000 เยนหรือแบบไฮโซมีหลายเกียร์ก็จะแพงขึ้น ถ้าขี่เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากูชิโกะ ระยะทางจะประมาณ 20 กิโลเมตร ก็ถือว่าสบายๆ สำหรับ 1 วันหรือถ้าขี่ได้เร็วก็อาจจะใช้เวลาแค่ ครึ่งวันเท่านั้น
ยังมีที่เที่ยวรอบๆ ฟูจิอีกหลายที่ที่น่าสนใจนะครับ รูธที่แอดมินเที่ยวในทริปนี้เป็นแค่รูธสั้นๆ เท่านั้น เพราะเวลาที่เหลือในทริปเราต้องไปเที่ยวกันต่อในโตเกียว …
………………………………………………………..
ใครเคยไปเที่ยวมาแล้ว หรือใครเคยใช้ ซิม GO! อินเตอร์จากดีแทค มาแชร์รูปมาคอมเม้นคุยกันได้นะครับ 🙂
แต่ถ้าใครยังไม่เคยไป แอดแนะนำให้ Add Favorites รีวิวนี้ไว้เลย
เพราะมีครบทุกอย่าง ทั้งเรื่องพัก, กิน, และการเตรียมตัว
อาจจะต้องแพลนยาวหน่อย แต่คุ้มกับการรอคอยแน่นอน
#simgointer #dtac #FujiMountain #Owakudani #FujimatsuTemboRestaurant #Oshino Hakkai #YamanakakoSunplaza #คู่คุ้มนักเดินทาง #ไม่ใช้ดีแทคก็ใช้ได้ #ญี่ปุ่นก็ไปดี #เกาหลีก็ไปได้ #ซิมเที่ยวญี่ปุ่น #ซิมเที่ยวเกาหลีใต้ #ภูเขาไฟฟูจิ
………………………………………………………..
#ไปคนเดียวด้วยกันมั้ย? #ไปคนเดียว #ไปด้วยกัน #ไปคนเดียวบวก #ไปคนเดียวพลัส
“เพราะเรา…อยากให้ทุกคนกล้าที่จะออกมาเที่ยวไปด้วยกัน” 🙂
แฟนเพจ : www.facebook.com/paikondieow/
Instagram : https://www.instagram.com/paikondieow/
[supsystic-gallery id=143]