ญี่ปุ่นเที่ยวเมื่อไหร่ฤดูไหนก็สนุก … ครั้งแรกของญี่ปุ่นสำหรับหลาย ๆ คนอาจจะเริ่มต้นที่โตเกียวหรือโอซาก้า แต่สำหรับแอดมินที่ชอบเที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ขอเริ่มที่ จังหวัดฟุคุชิมะ ดีกว่า …
(ภาพถ่าย คือ ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2560)
“ฟูกุชิมะ” เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ภูมิภาคโทโฮคุ หลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นกับชื่อ ฟุคุชิมะ ดีเพราะหลายปีก่อนเป็นจังหวัดที่เคยได้รับผลกระทบสึนามิครั้งใหญ่ เกิดความเสียหายหนักมาก แต่ตอนนี้ได้ฟื้นฟูตัวเองและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และตอนนี้ก็พร้อมที่จะต้อนรับนักเดินทางทุกคนแล้ว มาเที่ยวฟุคุชิมะกันเถอะ
#เริ่ม
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินนาริตะเราก็เดินทางออกจากโตเกียวนั่งชินกันเซนตรงมาที่เมืองโคริยามะ จังหวัดฟูคุชิมะ(Fukushima)กันเลย
Narita Express : Narita Airport – Tokyo
Shinkansen : Tokyo – Fukushima
รีวิวฟูกุชิมะวันแรกมาแล้วววว #Day1
กองทัพต้องเดินด้วยท้องเริ่มทริปด้วยการหาอะไรกินก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่มีแรงเที่ยว มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ร้าน Oyaji Cafe หรือคาเฟ่ของคุณลุง เมนูเด็กของร้านนี้จะเป็น ข้าวหน้าหมู กับซอสสูตรพิเศษ กินคู่กับเครื่องเคียงทั้งหลาย สั่งเซ็ตเดียวอิ่มรู้เรื่องเลยล่ะ
บรรยากาศรอบๆ ร้าน Oyaji Cafe หรือคาเฟ่ของคุณลุง อิ่มแล้วก็ออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่จุดแรก 🙂
1. ศาลเจ้า Hanitsu Jinja
กินเสร็จแล้วก็เที่ยวสิ! … สถานที่แรกที่เราไปก็คือ ศาลเจ้า Hanitsu Jinja เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของเมือง อินาวะชิโระ(Inawashiro) และยังเป็นสถานที่ที่เก็บกระดูกของ นายโฮชินะ มะสะยูกิ ซึ่งเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่ของไอสึในสมัยก่อน มองไปรอบ ๆ บริเวณศาลเจ้าจะถูกฉาบไปด้วยสีแดงและเหลืองของใบไม้ อย่างกับมีใครมาปูพรมเอาไว้รอรับเรา … ด้านในศาลเจ้าร่มรื่นมาก ต้นไม้ใหญ่โอบล้อมศาลเจ้าเอาไว้ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่อบอุ่น ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองฟุคุชิมะ
แวะถ่ายรูปกับทุ่งนาสีทองข้างทาง
2.ทะเลสาบ Inawashiro
ออกจากศาลเจ้า Hanitsu นั่งรถผ่านทุ่งนาเหลือง ๆ มาจนถึง ทะเลสาบอินาวะชิโระ ที่นี่ตั้งอยู่ บริเวณอุทยานแห่งชาติบันได อะซะฮี(Bundai Asahi)บรรยากาศดีมาก เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แถมยังติดหนึ่งในสี่ของทะเลสาบที่มีน้ำใสสะอาดที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย จากมุมที่แอดมินยืนอยู่จะสามารถมองไปเห็นภูเขาบันไดซึ่งเป็นภูเขาสัญลักษณ์ของจังหวัดฟุคุชิมะ … เดินเล่นถ่ายรูป ฟังเสียนกเป็ดน้ำเพลิน ๆ บางทีความสุขมันก็เรียบง่ายแค่นี้เองนะครับ
บรรยากาศวิวตอนเช้า Washington Hotel (ที่พักของเราคืนแรก)
คืนนี้เราพักผ่อนกันที่โรงแรม Washington Hotel
3.ร้านฮาโกตะ
เรานั่งรถเข้ามาในเมือง อาอิซุ-วาคามัตสึ(Aizu Wakamatsu)หาร้านฝากท้องสำหรับมื้อเย็น เมืองนี้เป็นเมืองเงียบ ๆ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มื้อนี้เราลองมาชิมอาหารพื้นเมืองไอสึ กันที่ร้านฮาโกตะ … ไฮไลท์อีกอย่างของเมืองนี้คือ “ข้าวอร่อย” เพราะเป็นเมืองที่อากาศดี น้ำสะอาด ทำให้ข้าวที่เป็นผลผลิตมีคุณภาพสูงนั่นเอง มื้อนี้เราได้กินข้าวอร่อย ๆ กับซุปผักใส่มันและธัญพืช โอเด้งร้อน ๆ ดีงาม
4.ชมปราสาท Tsuruga Castle
ทริปเที่ยวของเรายังไม่หมด คืนนี้เลยขอไปชมความงดงามของปราสาทนกกระเรียน (Tsuruga Castle)กัน นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่สามารถเข้าชมภายในปราสาทและขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวของเมืองเบื้องล่าง และถ้าใครอยากรู้ถึงประวัติของปราสาทก็สามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อนได้ … ส่วนใครที่มาช่วงเดือนมีนา – เมษา ที่นี่ก็มีซากุระให้ดูด้วยล่ะครับ
วันที่ 2 มาแล้ววว #Day2
สำหรับวันนี้มีแพลนไปหลายที่เลย ทั้งวัด จุดชมวิว และร้านอาหารต่างๆ แต่โชคไม่ดี ฝนตก ทำให้การเดินทางลำบากขึ้นนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ทำให้แต่ละสถานที่ที่เราไปสวยหน่อยลง ไปดูกันว่าวันนี้ไปเที่ยวในบ้างในฟูกุชิมะกันบ้าง?
1.ชมปราสาท Tsuruga Castle
เมื่อคืนดูไม่เต็มที่ เช้านี้เลยต้องมาซ้ำทีปราสาทสึรุกะอีกครั้ง … บอกให้ทราบก่อนนะครับว่าที่นี่มีบางโซนห้ามถ่ายภาพ แนะนำให้ถามเจ้าหน้าที่ให้ชัวร์ก่อนว่าโซนไหนถ่ายรูปได้บ้าง แต่ที่แน่ ๆ ตั้งแต่โซนทางเข้าไปจนถึงที่จอดรถสามารถถ่ายได้ครับ
มาชมปราสาทตอนเช้าก็จะให้อีกความรู้สึกนึง ได้เห็นยอดปราสาทที่ตั้งอยู่โดดเด่น รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตยิ่งได้รู้ถึงตำนานความกล้าหาญของเหล่าซามูไรกลุ่มสุดท้ายแห่งญี่ปุ่นด้วย ยิ่งทำให้ที่นี่ดูมีพลังมากกว่าเดิม ถ้าใครได้ขึ้นไปชมบริเวณด้านบนสุดของปราสาทจะสามารถเห็นวิวรอบเมืองไอสึได้ด้วย … เดินเล่นในปราสาทเสร็จแล้วก็ยังสามารถเดินเล่นสวนสาธารณะสึรุกะได้ด้วย และถ้าเดินเลยไปอีกหน่อยก็จะเจอกับ โรงน้ำชารินคาคุ ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีชงชาของขุนนางศักดินา รอบ ๆ จะเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก นักท่องเที่ยวสามารถจิบชา ชิมของว่างและนั่งดูสวยญี่ปุ่นสวย ๆ ได้ และห่างจากสวนสาธารณะไปไม่ไกล จะเป็นทีตั้งของพิพิธภัณฑ์จังหวัดฟูกุชิมะ(Fukushima Prefectural Museum) และพิพิธภัณฑ์สาเกอาอิซุ(Aizu Sake Musuem)
2.ชิมมิโสะอร่อย ๆ ที่ร้าน Mitsutaya
มาทั้งทีอย่าให้เสียเที่ยวต้องหาอะไรอร่อยๆ ชิมสิ … เมืองไอสึนอกจากข้าวกับสาเกจะขึ้นชื่อแล้ว อีกอย่างที่ห้ามพลาดถ้ามาแล้วต้องกินก็คือ มิโสะ หรือซอสเต้าเจี้ยวนั่นเอง มื้อนี้เราเลยมาลองชิมที่ร้าน Mitsutaya ครับ ซอสมิโสของร้านนี้จะมีให้เราเลือก 4 ชนิด จะใส่มาแตกต่างกันตามเมนูที่เราสั่ง สิ่งที่เราสั่งมาจะเป็นอาหารประเภทโอเด้งปิ้ง ๆ ทั้งหลาย อย่างเต้าหู้ เห็ดหอม ขนมปังชีส โมจิ ปลา ไส้กรอก ข้าวย่าง พอเค้ามาเสร็จแล้วเราก็จะเอาทุกอย่างไปปิ้งบนเตาถ่านร้อน ๆ เป็นการย่างแบบธรรมชาติ ราดซอสมิโสะอร่อย ๆ … อร่อยแต่ไม่กล้ากินเยอะ เผื่อท้องไว้กินอย่างอื่น
ใบไม้แดง ปราสาท Tsuruga Castle
ปราสาท Tsuruga Castle
ต้นซากุระ ปราสาท Tsuruga Castle
ของฝากของที่ระลึก ปราสาท Tsuruga Castle
สัญลักษณ์ประจำเมืองฟูกุชิมะ
3.กินอาหารกลางวันที่ร้าน Shibukawa Donya
กลางวันนี้เรามากินอาหารที่ร้าน Shibukawa Donya กัน มื้อนี้มาในคอนเซปต์อาหารพื้นบ้าน แต่บรรยากาศหรูหรามาก ด้านในร้านตกแต่งสวยมาก ด้านหลังมีสวนดอกไม้ มีต้นต้นบอนไซด้วย อาหารก็จะเป็นแบบเซ็ต มีเมนูให้เลือกเยอะมาก เซ็ตที่แอดมินเลือกชื่อว่า Tsuruga อาหารส่วนใหญ่ในเซ็ตจะทำมาจากผัก และปลาที่ได้รับการแปรรูป อาหารทะเลจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่เพราะเมืองนี้ไม่ติดทะเล
สวนบอนไซภายในร้าน Shibukawa Donya
4.วัด Enzoji
นั่งรถมาเที่ยววัดเอนโคจิ(Enkoji Temple)กันต่อ … วัดนี้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมมากันเท่าไหร่ แต่คนไทยชอบมากันมาก เป็นวัดของนิกายรินไซเซน สร้างขึ้นเมื่อปี 1601 โดย Tokugawa leyasu โชกุนแรกในสมัยเอโดะ ใครที่มาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมาดูใบไม้แดงได้ มีต้นเมเปิ้ลเยอะมาก สีของใบไม้แดงสลับเหลือง บนพื้นก็มีแต่ใบไม้สีแดง ๆ ที่ร่วงลงมา สวยจนคิดว่าถ่ายรูปมายังไงก็คงไม่สวยเท่าดูด้วยตาจริง ๆ วัดนี้ยังมีสวนหินสวย ๆ เอาไว้เป็นมุมถ่ายรูปด้วย วิวด้านบนของวัดเราสามารถมองไปเห็นสะพานแดงข้ามผ่านแม่น้ำ Tadami ได้
เดินเล่นกินซาลาเปาอร่อย ๆ ที่ถนนซาลาเปา
กินไปเที่ยวไปจริง ๆ ทริปนี้ มาเดินเล่นที่ถนนซาลาเปา มองไปทางไหนก็มีแต่คำว่า มันจู (ซาลาเปา) ทั้งนั้น ชื่อถนนก็ตรงไปตรงมาสุด ๆ เพราะร้านเกือบทุกร้านบนถนนเส้นนี้เป็นร้านขายซาลาเปา อากาศเย็น ๆ กินซาลาเปาอุ่น ๆ จากหม้อนึ่ง ดีงามกินเผลอกินไปหลายลูกเลย
5.จุดชมวิว Michinoeki Mishimayado
เป็นจุดที่เรานั่งรถลงจากวัดแล้วเจอ เรียกว่าเป็นไฮไลท์อีกที่หนึ่งเลย เพราะว่าจากตรงนี้มองไปเราจะเห็นรถไฟวิ่งบนสะพานข้ามแม่น้ำ ยิ่งมาช่วงใบไม้แดงเต็มที่จะยิ่งสวยอลังการมาก ๆ แต่ตอนแอดมินไปเลยช่วงใบไม้แดงเต็มที่ไปแล้ว แต่ได้วิวหมอกหลังฝนมาแทน เอาจริง ๆ ก็สวยไปอีกแบบนะ
รอชมรถไฟวิ่งข้ามแม่น้ำ จุดชมวิว Michinoeki Mishimayado
6.พักที่โรงแรม Ashinomaki Prince Hotel
คืนนี้เราได้ที่พักที่ญี่ปุ่นจริงอะไรจริง นอนกันที่โรงแรม Ashinomaki Prince Hotel ห้องพักจะเป็นอารมณ์แบบปูด้วยเสื่อทาทามิ มีโต๊ะนั่งจิบชา ห้องกว้างมาก เครื่องอำนวยความสะดวกครบมาก ชิลสุด พักแล้วรู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นท่านโชกุนเลยทีเดียว
มื้อเย็นก็ไม่ต้องออกไปกินที่ไหนไกล ก็กินกันที่โรงแรมนี่แหละ เป็นมื้อเย็นที่จริงจังมาก จัดใหญ่ จัดเต็ม กินกันจนคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาท้องที่ไหนใส่ของอร่อย ๆ อีก …
#ญี่ปุ่นยังไม่จบ
วันที่ 3 มาแล้ววว #Day3
วันนี้เราจะไปเที่ยวอีก 2 ไฮไลท์ของเมืองฟุกุชิมะ เดินป่าขึ้นเขาดูใบไม้เปลี่ยนสีกัน ต่อด้วยไปเดินเที่ยวหมู่บ้านโบราณกัน ซดอาหารรสเด็ด ใครมาไม่ควรพลาดที่จะต้องลอง “โซบะต้นหอม” และปิดท้ายด้วยวันนี้เราไปพักที่เรียวกังกัน บอกเลยวันนี้ทั้งเหนื่อย แต่โคตรสนุกเลย
#วันนี้ไปไหนบ้าง?
วันนี้รีบตื่นแต่เช้าเลย เพราะแพลนของเราคือ เราจะไปเดินป่ากัน!! … เป้าหมายที่เราจะไปพิชิตก็คือ ยอดเขาโอโนะดาเกะ(Onodake) ที่มีความสูง 1,383 เมตรจากระดับน้ำทะเล รวม ๆ แล้วเราต้องเดินทั้งหมดประมาณ 6 กิโล
เตรียมความพร้อมไปประมาณนึงเพราะมีคนบอกมาว่าถ้าขึ้นไปข้างบนจะหนาว แอดมินเลยจัดกางเกงวอร์ม แล้วก็ใส่เสื้อขนเป็ดทับซะเลย กะว่ายังไงต้องเอาอยู่แน่ ๆ
เราเดินทางออกจากโรงแรมมายัง Yunokami Onsen สถานีรถไฟที่มีน้องแมวตัวฟู ๆ เป็นนายสถานี … ก่อนเดินป่าพวกเราก็มีความไหว้สิ่งศักดิ์ก่อนออกเดินทาง พวกเราต้องรอด ต้องรอด ต้องรอด 6 กิโลเอ๊งงงง
1.เดินป่าพิชิตยอดเขาโอโนะดาเกะ
ช่วงแรกของการเดินป่าเราจะบรรยากาศโดยรอบจะเป็นป่าสน เขียว ๆ เหมือนที่เราดูในหนังแฟนตาซีเลย ป่าโซนนี้มีความชื้นสูงเราก็จะได้เห็นต้นมอสเขียว ๆ เล็ก ๆ แล้วก็เห็ดขึ้นเต็มไปหมด พอผ่านไปซักระยะเดินไปได้ซักครึ่งภูเขาก็จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงจากต้นสนก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นต้นไม้เปลี่ยนสี ระหว่างทางนี่แอบปวดเข่าเบา ๆ นะ เพราะว่าทางชันอยู่เหมือนกัน มีความท้อเบา ๆ
แต่พอเดินขึ้นไปถึงยอดโอโนะดาเกะแล้วก็ต้องบอกเลยว่า คุ้มค่ากับที่เหนื่อยมาก วิวสวยมาก รอบตัวเราจะเป็นภูเขาโอบล้อม เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสิ วิวเขาสวย ๆ คือดีมาก คือต้องมา เดินเถอะเหนื่อยแต่คุ้มมาก
บรรยากาศระหว่างเดินขึ้นเขา
ต้นไม้เปลี่ยนสีระหว่างเดินขึ้นเขา
คนนำทางของเราในทริปนี้
พกของกิน ขนม ไปด้วยเวลาหิว
ลูกเกาลัด
ยอดเขาโอโนะดาเกะ
ชมวิวกันฉ่ำแล้ว ก็ถึงเวลาเดินลงเขา เหมือนเพิ่งขึ้นมาเอง ต้องลงอีกแล้วเหรอเนี่ย … ขาลงนี่ระทึกมากสำหรับแอดมินนะ เพราะว่าระหว่างเดินลง มันมีบางช่วงที่ทางชันมากและข้าง ๆ เป็นเหว คือต้องเกาะเชือกลง ถ้าพลาดก็ …….. ไปพบกันที่ทางช้างเผือกเลย
ขาลงเนี่ย เราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเยอะ เห็นวิวภูเขาที่เป็นต้นไม้เปลี่ยนสีทั้งลูกเลย พอถึงช่วงตีนเขาก็จะเป็นป่าสน ตรงนี้แอดมินก็ชอบบรรยากาศเหมือนเราดูหนังแฟนตาซี มีต้นสนสูง ๆ มีลำธาร มีป่าเฟิร์น คือสวยมากเลยล่ะ
ขาลงเป็นป่าสน ป่าเฟิร์น เขียวมาก
2.หมู่บ้าน Ouchijuku
ลงจากเขามานั่งรถต่อมาอีก 5 นาที ก็ถึงหมู่บ้าน Ouchijuku หมู่บ้านนี้เป็นทางผ่านระหว่างไอซึและโทชิกิ ในอดีตแถวนี้จึงมีที่พักและร้านอาหารค่อนข้างเยอะ เพราะเอาไว้คอยบริการพวกขุนนางพ่อค้าแม่ค้า ต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเส้นทางสายใหม่ถูกเปิดขึ้น ทำให้ผู้เดินทางผ่านหมู่บ้าน โออุจิ จูคุ ลดลงไปมาก
พอกลับมาแอดมินเลยไปหาข้อมูลของหมู่บ้านนี้ … เมื่อ พ.ศ.2524 หมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันหมู่บ้านโบราณหลายหลังในโออุจิ จูคุได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จนตอนนี้มีนักท่องมาเยี่ยมชมหมู่บ้านนี้กว่า 1.2 ล้านคนต่อปีเลยนะ
ที่นี่ยังมีของขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ Negi Soba หรือโซบะต้นหอม ที่ใช้ต้นหอมแทนตะเกียบ คือเป็นซุปต้นหอมจริง ๆ เพราะมีเนื้อสัตว์เลย แต่กินน้ำซุปกับเส้นก็ฟินแล้วล่ะ
หมู่บ้าน Ouchijuku มีของฝากให้เลือกซื้อเยอะมาก น่ารักๆ ทั้งนั้น
ของฝากจากหมู่บ้าน Ouchijuku
3.พักที่เรียวกัง โอยะโนะยุ
คืนนี้เราเปลี่ยนฟีลมาพักที่ที่พักที่เป็นเรียวกังกันบ้าง ที่นี่ชื่อว่า เรียวกังโอยะโนะยุ
เป็นเรียวกังสไตล์โมเดรินท์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเข้ากับบรรยากาศแบบดั้งเดิม ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตของทาคายามะเลย …
กินข้าวเย็น แล้วนอน คือรีวิวอะไรมากไม่ไหวแล้ว ปวดเข่ามาก นอนพักร่างเถอะ
ตื่นเช้ามา มองออกไปนอกหน้าต่างตอนเช้าจะเจอวิวอย่างนี้
รีวิววันสุดท้ายที่เมืองฟุกุชิมะแล้ว
วันที่ 4 มาแล้ววว #Day4
วันสุดท้ายแล้ววว บอกเลยยังไม่อยากกลับจากญี่ปุ่น ใครที่มาเที่ยวที่ญี่ปุ่นหลายคนคงคิดแบบนั้น มีหลายเหตุผลเลยที่ทำให้อยากอยู่ ทั้งอากาศ อาหาร ที่เที่ยว ผู้คน(ผู้หญิงน่ารัก55) ส่วนตัวแอดมินชอบญี่ปุ่นมากๆ เอาล่ะ ถึงเวลากลับก็ไม่เป็นไร แต่บอกเลยว่าถ้ามีโอกาส กลับมาอีกแน่ๆ เพราะยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ และบอกเลยว่ามาเที่ยวแต่ละฤดูก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป(พูดละอยากไปตอนหิมะตก555) ไปดูกันว่าที่เมืองฟุกุชิมะ มีสถานที่ไหนน่าสนใจให้เที่ยวอีกบ้าง
#วันนี้ไปไหนบ้าง?
1.ผาหินล้านปี Tonohetsuri
ที่ที่เราจะไปกันในเช้านี้ก็คือ ผาหินล้านปี Tonohetsuri ระหว่างทางเราได้เห็นใบ้ไม้เปลี่ยนสีตลอดทางเลย
สำหรับ ผาหินล้านปี Tonohetsuri ชื่อเป็นภาษาดั้งเดิมของชาวไอสึ มีความหมายว่าหน้าผารูปเจดีย์ หน้าผาแห่งนี้เกิดจากการกัดกร่อนมาหลายล้านปี หินที่นี่เลยมีรูปทรงแปลก ๆ ที่นี่ฮอตมากนะขนาดคนญี่ปุ่นเองยังนิยมมาเที่ยวกันเลย วันที่แอดมินไปโชคดีแดดดีมาก เลยได้รูปสวย ๆ มาเพียบ
ร้านค้าบริเวณ ผาหินล้านปี Tonohetsuri
ใบไม้เปลี่ยนสีที่ผาหินล้านปี Tonohetsuri
แม่น้ำตรงผาหินล้านปี Tonohetsuri
สะพานแขวน สำหรับข้ามไปยังบริเวณผาหินล้านปี Tonohetsuri
จุดชมวิวผาหินล้านปี Tonohetsuri จากด้านบนตรงนี้จะเห็นทั้งแม่น้ำ สะพานแขวน และผาหิน (ด้านบนสวยมากๆ)
บริเวณริมหน้าผาผาหินล้านปี Tonohetsuri สามารถเดินเลาะไปชมผาใกล้ๆ ได้
2.สะพาน Yukiwari เดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่สะพานแดง
มาต่อกันอีกที่นึง วันนี้จะกลับแล้วต้องเที่ยวให้คุ้ม … มาอยู่ที่ Yukiwaribashi หรือสะพาน Yukiwari บรรยากาศรอบ ๆ จะเต็มไปด้วยธรรมชาติ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใบไม้แดง มองไปทางไหนก็เจอ สวยมากอีกเช่นกัน สะพานแดงของที่นี่ใช้สำหรับทั้งรถและคนเดิน ทางเมืองจึงกำลังสร้างสะพานสำหรับรถผ่านขึ้นโดยเฉพาะ
ใบไม้เปลี่ยนสีที่สะพาน Yukiwari
กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้งเลย หาซื้อได้ทั่วไปตาม 7-11 ที่ญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สะพาน Yukiwari ดูแม่น้ำด้านล่าง
ชมวิวเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีจากสะพาน Yukiwari
3.ร้าน Hayashi ตกปลาแซลมอน และชิมสดๆ จากฟาร์ม
อีกหนึ่งไฮไลท์ของวันนี้ ที่นี่เป็นฟาร์มแซลมอนที่เราสามารถตกปลาได้เอง โดยมีค่าใช้จ่ายครั้งละ 100 เยน เท่านั้น พอเราตกปลาได้แล้วทางร้านก็จะนำมาทำซาชิมิให้เรากิน แอบรู้สึกผิดเหมือนกัน แต่ก็นะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว …
ถ้าใครตกปลาเสร็จแล้วอยากเดินเล่นก็ได้นะ ที่นี่ค่อนข้างกว้าง มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยแหละ
ที่นี่สามารถตกปลาได้เองเลย ค่าใช้จ่ายครั้งละ 100 เยน เท่านั้น
ปลาแซลมอนสดๆ จากบ่อ
อันนี้เป็นเมนูที่เราได้กินกันที่ร้าน Hayashi เนื้อปลาสดอร่อยมากๆ (แต่เราไม่ได้ตกเองนะ ถ้าตกคงไม่ได้กิน)
บรรยากาศภายในร้าน Hayashi
บริเวณรอบๆ ร้าน Hayashi มีทั้งบ่อปลาแซลมอล สวนบอนไซ และใบไม้เปลี่ยนสีเต็มไปหมด
รถส่งปลา ร้าน Hayashi น่ารักกกกกก
4. Nanko Park เดินเล่นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
มาถึงที่สุดท้ายแล้ว … ที่นี่คือ Nanko Park สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น คนท้องถิ่นจะเรียกกันว่า “สวนสน” แต่บริเวณริมทะเลสาบ จะปลูกต้นซากุระ และนอกจากนี้ยังมีต้นเมเปิ้ลมาปลูกไว้ด้วย ภายในสวนสาธารณะจะมีสวนพฤกษชาติ และสวนสวรรค์อยู่ด้านในด้วย
มีของที่ระลึก ของมงคลเสริมดวงให้เราได้ซื้อติดตัวกันด้วย
ทางเดินเข้าไปยังศาลเจ้า
บริเวณริมบึงน้ำ แค่ได้มานั่งชมวิว ก็ชิลสุดๆ
บริเวณรอบๆ Nanko Park
ที่นี่มีของกินขึ้นชื่อคือ นังโกะดังโงะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมไปชิมนะ อร่อย รสชาติถ้าราดซอสเยอะจะเค็ม ๆ หน่อยๆ แป้งเหนียวนุ่ม เคี้ยวเพลิน ถ้าใครชอบกินขนมที่เป็นแป้งๆ น่าจะชอบ
ร้านค้า ร้านอาหารที่ Nanko Park
จบรีวิวแล้ววว สำหรับ 4 วันที่เมืองฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เวลา 4 วันผ่านไปไวมาก ยังไม่อยากกลับเลย … ยังไม่ทันกลับถึงเมืองไทย แอดมินนี่เตรียมแพลนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้าเอาไว้แล้ว ไม่ค่อยเห่อเลย ก็แหม ไม่ว่าใครมาเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องหลงเสน่ห์ประเทศนี้ทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ … แค่คิดถึงเดินทางครั้งต่อไปก็ตื่นเต้นแล้ว 🙂
ปล.รีวิวอาจจะไม่ละเอียดเท่าไหร่นะครับ มือใหม่เที่ยวญี่ปุ่น ? เน้นเอารูปของสถานที่ต่างๆ ของเมืองฟุกุชิมะ มาให้ดูถึงความสวยงามของเมืองนี้ให้ดูกันนะครับ
#แล้วเจอกันใหม่ที่ญี่ปุ่น
รีวิวบนเพจ : Day1
รีวิวบนเพจ : Day2
รีวิวบนเพจ : Day3
รีวิวบนเพจ : Day4
………………………………………………………..
ใครไปมาแล้วบ้าง เอารูปมาแชร์ มาคอมเม้นกันได้นะครับ
#Fukushima #WeloveFukushima #Japan #ญี่ปุ่น #ญี่ปุ่นครั้งแรก #ฟุกุชิมะ
………………………………………………………..
#ไปคนเดียวด้วยกันมั้ย? #ไปคนเดียว #ไปด้วยกัน #ไปคนเดียวบวก #ไปคนเดียวพลัส
“เพราะเรา…อยากให้ทุกคนกล้าที่จะออกมาเที่ยวไปด้วยกัน” 🙂
แฟนเพจ : www.facebook.com/paikondieow/
Instagram : https://www.instagram.com/paikondieow/
[supsystic-gallery id=138]