???⛩?
#ฉบับคนวันลาเหลือน้อย #9จุดเช็คอิน
เคยมีคนบอกว่า ถ้าลองได้ไปญี่ปุ่นครั้งนึงแล้ว จะมีญี่ปุ่นอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งตามมาเรื่อย ๆ … ถึงตอนนี้แอดมินเชื่อแล้วล่ะว่าคำพูดนั้นน่ะจริง เพราะญี่ปุ่นน่ารัก มีเสน่ห์ มีมิติที่น่าค้นหา เลยทำให้เราไม่เคยเบื่อที่จะได้ค้นหา ครั้งนี้ก็เหมือนกันแอดมินมีโอกาสได้รู้จักกับญี่ปุ่นในอีกด้าน ด้านที่นักเดินทางหลายคนอาจจะยังไม่เคยสัมผัส … ที่ “มิเอะ”
ตอนเราทำแพลนทริปนี้เราวางแผนไว้ว่าทริปนี้มีเวลาประมาณ 4 วัน … งงล่ะสิ 4 วันก็เที่ยวญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอ?
บอกเลยว่าได้ครับแค่ต้องวางแพลนดี ๆ แล้วก็เลือกวิธีการเดินทางที่ง่ายและสะดวกแค่นั้นเอง และก็อย่างที่บอกไปว่าทริปนี้เราจะไปรู้จักกับญี่ปุ่นอีกมุมที่หลายคนยังไม่เคยเห็น แอดมินก็เลยเลือกไปที่ “มิเอะ” ซึ่งเป็นจังหวัดในภูมิภาคชูบุ เป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งรวมมรดกโลกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย แถมตอนนี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับช่วงหน้าหนาวให้สนุกกันอีกด้วย
เราเดินทางกันสบาย ๆ ด้วยสายการบิน Air Asia X จากท่าอากาศยานดอนเมืองบินตรงไปลงที่ สนามบินนานาชาติจูบุ (Chubu Centrair International Airport) ได้เลย บินตรงทุกวัน
แนะนำว่าถ้าไม่อยากต่อแถวเช็กอินนาน ๆ ก็ให้เช็กอินผ่านแอพ ผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านตู้คีออสที่สนามบินก็เลยครับจะได้ไม่เสียเวลา
สำหรับแพลนเที่ยวของเราในทริปนี้มาในคอนเซปต์ “วันน้อย เที่ยวเยอะ เดินทางง่าย ค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋า” … เอาล่ะเริ่มทริปกันเลย!!
ก่อนอื่นเลยคือทริปนี้เราเน
คุ้มที่สองคือสถานที่เที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดมิเอะเกือบทุกที่อยู่ไม่ไกลจากเส้นทางของ Kintetsu Railway การสามารถเดินทางไปเที่ยวโดยใช้ Pass ได้เลย และในบางจุดที่ต้องต่อบัสเข้าไปก็สามารถใช้ Pass ได้ด้วย
คุ้มที่สามคือเราสามารถควบคุมงบในการเดินทางได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ไม่บานปลาย ต่อให้เดินทางหลงก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะเรามี Pass แล้ว จะหลงเก่งอีกกี่รอบก็ได้ 5555
? ดูอุโมงค์ไฟ Nabana No Sato
ได้ Pass มาแล้วก็เริ่มต้นทริปกันได้เลย โดยที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ “Nabana No Sato” ไปดูเทศกาลฤดูหนาว Winter Illumination … ในช่วงปกติที่นี่จะมีธีมพาร์คสวนดอกไม้สวย ๆ เอาไว้ให้ถ่ายรูป มีโดมดอกไม้เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณหลากหลายกว่า 40 ชนิด แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเทศกาลหน้าหนาวก็คืองานแสดงไฟ หรือที่เรียกว่า Illumination สวย ๆ ในบรรยากาศสุดโรแมนติก และจุดที่ห้ามพลาดเลยก็คือ The Tunnel of Lights อุโมงค์ประดับไม้ยาว 200 เมตร ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมาก คือถ้าใครมีแฟนก็แนะนำให้ควงกันมาที่นี่เลย โรแมนติกสุดอะไรสุดมาก มีร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ ให้นั่งด้วย เหมาะมากสำหรับมาดินเนอร์ดูไฟสวย ๆ
การเดินทาง : เดินทางด้วย Kintetsu Railway มาลงที่จากสถานี Nagoya มาลงที่สถานี Nagashima และต่อรถบัสมาลงที่ Nabana No Sato (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที) รถบัสไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ สามารถใช้ Pass ได้เลย สะดวกมาก ถ้าใครลากกระเป๋ามาด้วยก็มีล็อคเกอร์ให้ฝากกระเป๋านะครับอยู่ด้านหน้า พอเข้ามาจากประตูจะอยู่ซ้ายมือเลย หาง่ายมาก ๆ
โรงแรม Yokkaichi Miyako Hotel
ทริปนี้เราเดินทางกันช่วงเช้ากว่าจะถึงมิเอะ เราเลยมีเวลาเที่ยวแค่ช่วงบ่าย วันนี้เราเลยขอกลับไปพักเอาแรงก่อน โรงแรมในคืนแรกเราเลือกพักที่ Yokkaichi Miyako Hotel อยู่ในย่านยคไกชิ ซึ่งเดินทางค่อนข้างง่ายมากเพราะอยู่ห่างกับสถานีรถไฟ Kintetsu-Yokkaichi ประมาณ 200 เมตรเท่านั้นเอง ไม่ต้องลากกระเป๋าไปไกล ๆ ให้เหนื่อย ในส่วนของห้องพักก็สะดวกสบายมาก เดินทางมาเหนื่อย ๆ แช่น้ำอุ่น ๆ ซักหน่อย นอนเพิ่มพลังพรุ่งนี้ค่อยลุยกันต่อ
? ไปขอพรเรื่องความรัก Futami Meoto Iwa Rocks
หลังจากกินข้าวเช้าอร่อย ๆ ที่โรงแรมแล้วเราก็เช็กเอ้าท์ออกเดินทางกันต่อ โดยวันนี้ที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกันก็คือ Futami Meoto Iwa Rocks หรือที่เรียกกันว่า หินแต่งงาน นั่นเอง … ใครที่เป็นสายมูเตรู สายขอพร คนโสดอยากไปขอคู่ หรือคู่รักอยากไปขอพร แนะนำที่นี่เลย นอกจากหินแต่งงานแล้วที่นี่ยังมีศาลเจ้า FUTAMI OKITAMA JINJA เป็นศาลเจ้าที่คู่รัก คู่แต่งงานนิยมมาขอพรกันเป็นอย่างมาก และยังขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าแห่งความหวังของคนโสดที่มักจะมาขอพรให้ได้พบเจอเนื้อคู่ด้วย ในบริเวณศาลเจ้าจะมีรูปปั้นกบเต็มไปหมด นั่นเพราะศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพเจ้า SARUTAHIKO OKAMI ซึ่งมีกบเป็นตัวแทนของพระเจ้าคอยดูแลคุ้มครองอยู่ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า หากมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างช่องของหินทั้งสองจะทำให้มีโชคดี ประสบความสำเร็จสมหวังดังที่ตั้งใจ
การเดินทาง : เดินทางด้วย Kintetsu Railway มาลงที่จากสถานี Ujiyamada หรือ Toba ก็ได้ แล้วก็นั่งรถบัสต่อเข้ามาที่ศาลเจ้าครับ รถบัสไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับสามารถใช้ Pass ได้เลย
? ชิมอาหารทะเลสดๆ Ama Hut HACHIMAN
มาถึงมิเอะทั้งทีเราก็ไม่พลาดที่จะขอมาชิมอาหารทะเลสด ๆ กันที่ร้าน Ama Hut HACHIMAN ที่เมือง Tobo … สำหรับชื่อร้านก็มาจากชื่อของ AMA ซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ทำการประมงแบบดั้งเดิมด้วยการดำน้ำแบบ Free Dive ในการงมหอยต่าง ๆ รวมทั้งเก็บสาหร่ายจากท้องทะเล ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เมนูที่เราเลือกจะเป็นเซตหอยและกุ้งสด ๆ ที่ AMA ไปจับมาจากทะเล จับมาปั๊ปก็ทำความสะอาดแล้วก็เอาขึ้นเตาย่างกันต่อหน้าเราเลย สำหรับใครที่ชอบชิมอาหารทะเลสด ๆ ที่ได้รสชาติแบบออริจินอล ก็ขอให้มาลองที่นี่เลย ที่แอดมินชอบที่สุดก็คือ กุ้งยักษ์อิเสะ ที่สดเนื้อหอมหวาน กินแบบไม่ต้อบจิ้มกับอะไรเลยก็อร่อย ระหว่างเรากิน AMA ก็จะมาคอยเล่าถึงวิถีชีวิตของกลุ่มชาวประมง แล้วก็ยังมีการแสดงเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราดูกันด้วย เอนเตอร์เทนกันไปอีก ส่วนใครที่อยากใส่ชุด AMA ถ่ายรูป ที่นี่เค้าก็มีบริการให้นะครับ
แต่แอบบอกไว้ก่อนนะครับว่าใครจะมากินที่ร้านนี้ต้องติดต่อจองล่วงหน้าอย่างต่ำ 2 วันนะครับเพราะว่าทางร้านต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหาร และราคาอาหารก็ค่อนข้างแรงพอสมควรเลย (เซตที่แอดมินกินราคา 9,720 เยน ราคาต่อ 1 คนเท่านั้น) เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจมาชิมอาหารสด ๆ จากทะเลโดยเฉพาะครับ
การเดินทาง : ให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kintetsu Toba ทางร้านจะมีรถบัสมารับครับ
เวลารถรับส่ง
1. จากสถานี Toba ไปยังกระท่อม * 11:30 น. – 13:00 น. และ 14:30 น. ครับ
2. จากกระท่อม กลับมายังสถานี Toba *12:10 น. – 13:40น. – 15:10 น. และ 16:40 น. ครับ
ศาลเจ้า Ise Grand Shrine (ยามเย็น)
เนื่องจากช่วงเช้าเรามีความเดินทางแบบหลง ๆ งง ๆ กันเล็กน้อย เลยทำให้แพลนของเราในวันนี้มีความคลาดเคลื่อนในเรื่องเวลาเลยทำให้เรามาถึง ศาลเจ้า Ise Grand Shrine เย็นเกินไป ยิ่งในช่วงหน้าหนาวด้วยยิ่งมืดเร็ว แถมเรายังนั่งรถบัสผิดสายอีก ก็เลยทำให้เย็นนั้นเราไปไม่ทันศาลเจ้า เมื่อศาลเจ้าปิดซะก่อนเราเลยตัดสินใจว่า พรุ่งนี้เช้าเราจะมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง (หลงจนเหนื่อย ท้อออ 5555)
โรงแรม Hotel Kintetsu Aqua Villa Ise-Shima
คืนนี้เราเข้าพักกันที่โรงแรม Hotel Kintetsu Aqua Villa Ise-Shima บรรยากาศดีติดทะเล เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนเป็นครอบครัวมาก ๆ เพราะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลายมาก เรามาถึงโรงแรมในช่วงค่ำ ทันเวลาบุฟเฟ่ต์อาหารเย็นพอดี ขอบอกว่าดีงามมาก ใช้พลังงานมาทั้งวันเจออาหารอร่อย ๆ แบบนี้ก็คือฟินไปเลย เติมพลังเสร็จก็นอนพักกัน พรุ่งนี้เตรียมเดินทางต่อเข้าโอซาก้า
สำหรับการเดินทางมาโรงแรม ทางโรมแรมจะมีรถมารับที่สถานี Kashikojima โดยรถรอบสุดท้ายจะหมดประมาณ 5 โมงครึ่ง ถ้าถึงช้ากว่านั้นก็ต้องแท็กซี่อย่างเดียวครับ
? ไหว้ขอพรที่ ศาลเจ้า Ise Grand Shrine
ศาลเจ้า Ise Grand Shrine และย่าน Oharai-machi and Okage-yokocho
เมื่อวานหลง วันนี้ไม่หลงแล้ว! เราออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อที่จะได้มีเวลาเดินชมศาลเจ้า Ise Grand Shrine ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสำหรับชาวญี่ปุ่น เป็นศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะที่นี่ถือเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่น ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย มีอายุยาวนานกว่าสองพันปี บรรยากาศบริเวณศาลเจ้าก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้ยิ่งช่วงนี้ใบไม้เปลี่ยนสีด้วยยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสวยสงบแต่มีสีสันมากขึ้น ถ้ามาในช่วงวันธรรมดาก็จะเดินเที่ยวได้สะดวกกว่าช่วงวันหยุดครับ
? เดินหาของอร่อยๆ ย่าน Oharai-machi and Okage-yokocho
ไหว้ศาลเจ้าขอพรกันแล้ว เราก็มาซึมซับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมกันที่ย่าน Oharai-machi และ Okage-yokocho กันต่อ ไม่ต้องเดินออกไปไหนไกล ถนนเส้นนี้จะอยู่ติดกับศาลเจ้าเลย ถนนจะมีระยะทางประมาณ 900 เมตร สองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยร้านขายของกิน ขายขนม ขายของที่ระลึก บรรยากาศร้านค้าของที่นี่สร้างออกมาโดยการจำลองมาจากยุคสมัยเอโดะ-เมจิ ทำให้เราได้หวนนึกถึงอดีตสไตล์ญี่ปุ่น แอดมินแนะนำไอศครีมมันหวาน แล้วก็ข้าวหน้าปลาไหลเลย ดีงามมาก ๆ สีสันนึงของถนนเส้นนี้ก็คือ เราจะได้เห็นผู้คนหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่มาเป็นครอบครัว พาเด็กเล็ก ๆ นั่งรถเข็นมาเที่ยว คนสูงอายุ หรือแม้กระทั่งคนรักน้องหมาก็สามารถพาน้องหมามาเดินที่ย่านนี้ได้ด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Iseshi แล้วนั่งรถบัสต่อมายัง Ise Grand Shrine ได้เลยครับ ใช้ Pass ขึ้นบัสได้เหมือนเดิมเลย ไม่ต้องเสียเงิน
? ดูใบไม้เปลี่ยนสี เที่ยวน้ำตก Akame 48 Falls
จากศาลเจ้า เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่โอซาก้
Akame 48 Falls หรือ น้ำตก 48 สายแห่งอากาเมะ เป็น 1 ใน 100 อันดับน้ำตกที่สวยงามที่สุด
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Akameguchi แล้วก็นั่งรถบัสเข้าไปที่น้
? ตระเวนกิน ย่าน Namba (โอซาก้า)
เดินทางมาทั้งวันแล้ว คืนนี้เราก็เลยขอหาของอร่อย ๆ กินกันที่ย่านสุดฮิตของโอซาก้าอย่างย่าน Namba … ใครเป็นสายกินก็จะรู้ว่าที่นี่น่ะมีของอร่อย ๆ ร้านดังสุดฮิตรอเราอยู่เพียบ อย่างมันปูย่างร้าน Isomaru Suisan Dotonbori ก็คือพลาดไม่ได้ มาถึงที่แล้วต้องกิน!!
หรือจะเป็นเนื้อย่างร้าน Gyu ka ku อันนี้ก็คือละมุนมากอะไรมาก
เอาเป็นว่าใครชอบกินอะไรแบบไหน ราเมง เนื้อย่าง อาหารทะเล ซูชิ ข้าวราดแกงกะหรี่ ขนม ไอศรีม ก็เลือกกินเอาตามชอบเลย ละลานตาสุด เดินกินได้ทั้งคืน
โรงแรม Sheraton Miyako Hotel
คืนสุดท้ายของทริปนี้เราพักกันที่ Sheraton Miyako Hotel ซึ่งดีงามมากถึงมากที่สุด เดินทางง่ายเพราะตัวโรงแรมเชื่อมกันสถานี Osaka-Uehommachi เลย ทำให้เราสะดวกมากเวลาจะเดินทางไปสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของโอซาก้า แถมพนักงานยังเซอร์วิสมายด์ดีมาก ประทับใจสุด ๆ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการพาครอบครัวมาพักผ่อนครับเพราะสะดวกในทุก ๆ อย่างเลย
? นั่งรถรางชมปราสาทโอซาก้า
วันสุดท้ายของทริปแล้ว ยังสนุกอยู่เลย! … หลังจากเดินทางกันอย่างหนักหน่วงทุกวัน นี้ก็เลยเป็นวันฟรีเดย์ที่เราอยากจะเดินเล่นชิล ๆ ในโอซาก้า … เริ่มกันที่ช่วงเช้าเราไปเที่ยวชมปราสาทโอซาก้าไหน ๆ ก็มาแล้วจะไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงเน๊อะ ถ่ายรูปแลนด์มาร์คสวย ๆ
? เดินย่านคาเฟ่สุดชิคย่าน Nakazakicho
เราก็ไปต่อกันที่ย่านสุดชิคอย่างย่าน Nakazakicho ย่านนี้สาว ๆ ต้องกรี๊ดแน่ ๆ เพราะมีแต่คาเฟ่กับร้านน่ารัก ๆ ขายตั้งแต่เครื่องประดับกระจุกกระจิกไปจนถึงขายเฟอร์นิเจอร์แบบวินเทจ แถมยังมีคาเฟ่สัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ ด้วย คือสามารถเดินชิล ๆ ครึ่งวันได้เลยสบาย ๆ …
และจบทริปกันด้วยการช้อปปิ้งที่ย่านนัมบะซื้อของฝากเพื่อน ๆ กันซะหน่อย
✈️ ขากลับเราอยากเที่ยวโอซาก้าเลยเลือกนั่ง Air Asia X บินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เลยเหมือนกัน จะไปกลับ ดอนเมือง ⇌ นาโกย่า หรือ ดอนเมือง →นาโกย่า→โอซาก้า →ดอนเมือง แบบแอดมินก็ได้ ไปครั้งเดียว ได้เที่ยวหลายที่ จองตั๋ว หรือดูรายละเอียดตั๋วและโปรโมชั่นได้ที่ –> www.airasia.com
.
?? เห็นรึเปล่าล่ะ เชื่อแอดมินรึยังว่าแค่ 4 วันก็เที่ยวญี่ปุ่นได้ เที่ยวได้หลายฟีล แถมยังเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่แพงอีกด้วย … ช่วงหน้าหนาวนี้ใครกำลังวางแพลนจะเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ แอดมินแนะนำเลย รับรองว่าฟินแน่นอน แถมยังได้ประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครด้วย ลองเถอะ แล้วคุณจะรักแน่นอน
รีวิวบนแฟนเพจ : ???⛩?Mie – Osaka (จากมิเอะถึงโอซาก้า)
#Mie #AirAsiaX #AirAsiaTravels #KintetsuRailPass #Kintetsu#Nagoya #ไปนาโกย่ากับแอร์เอเชียเอ็กซ์
#นาโกย่า #มิเอะ #ญี่ปุ่น#เที่ยวญี่ปุ่น #โอซาก้า
[supsystic-gallery id=175]