วังเวียง | 9 สิ่งที่ไม่ควรพลาด!

มีเวลา 4 วัน 3 คืน ไปเที่ยวไหนดี? ได้ไปต่างประเทศ งบไม่พุ่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา มีกิจกรรมทุกไลฟ์สไตล์ จะเป็นสายชมธรรมชาติ หรือ สายลุย ก็มีให้เลือกครบ! สุดท้าย หวยมาตกที่ “วังเวียง” สปป.ลาว บอกได้คำเดียวว่าไปแล้วต้องไปซ้ำอีกแน่นอน

การเดินทางจากประเทศไทยไปวังเวียง ไปได้หลายทางขึ้นอยู่กับงบและความชิลส่วนตัวเลือกนั่งนครชัยแอร์ข้ามคืน (ประมาณ 600 บาท) ไปลงที่อุดรธานี แล้วต่อ Interbus ตอนเช้า (320 บาท) ตรงดิ่งไปถึงวังเวียง แต่ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ใครใช้เวลานั่งรถเป็นวันๆ ไม่ได้ แนะนำให้นั่งเครื่องมาลงเวียงจันทร์หรือหลวงพระบาง แล้วต่อรถไปวังเวียง ช่วยเซฟเวลาได้เยอะ และสำหรับทุกครั้งของการเดินทางเราก็ไม่พลาดที่จะมองหาความปลอดภัยที่เราสามารถทำได้เบื้องต้น ในกรณีที่เกิดเหตุที่เราไม่คาดคิด ทั้งอุบัติเหตุ ป่วยไม่สบาย ของหาย เราก็ไม่ต้องกังวลเพราะจะมีค่าชดเชยให้ เพียงแค่ทำประกันการเดินทางออนไลน์ง่ายๆ ที่ TMB แม้จะเดินทางด้วยรถบัส ,รถทัวร์ TMB เค้าก็คุ้มครอง โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดบนเว็บไซต์และสามารถซื้อได้เลย มีให้เราเลือกทั้งแบบรายเที่ยว รายปี เที่ยวน้อยเที่ยวเยอะเลือกได้ ไม่ว่าเราจะไปคนเดียวหรือไปด้วยกันก็มีให้เราเลือกหมด แค่นี้เราก็หมดห่วงได้แล้ว
#ดูรายละเอียด : tmbbank.com/online-travel/paikondieow
#ประกันการเดินทางออนไลน์ที่TMB #TMB

เอาล่ะ พอเราเตรียมเงิน เตรียมความพร้อมกันแล้ว ก็ออกเดินทางไปเที่ยวกัน และสำหรับใครที่อยากรู้ว่าไปวังเวียงแล้วมีอะไรให้ทำบ้าง? มีอะไรให้กินบ้าง? ไปดูกันได้เลย เราสรุปมาเป็นข้อๆ แล้ว กับสิ่งที่เราประทับใจ ที่ไม่อยากให้ทุกคนที่ไปพลาด

เริ่มเลย…

1. ขึ้นผาเงินวัดใจ

จุดชมวิววังเวียงที่สวยที่สุด ยกให้ “ผาเงิน” เลย แต่กว่าจะได้ภาพสวยๆ มาต้องแลกกับความเหนื่อยสุดยอด ระยะทาง 650 เมตร เป็นทางชันที่ส่วนใหญ่ดันเป็นหินอีกต่างหาก บางช่วงชันจนน่าตกใจ จะก้าวแต่ละทีต้องระวังมากๆ ป้ายบอกใช้เวลา 20 นาที เดินจริงก็ไม่เท่าไหร่ เกินไป 20 นาทีเอง ฟิตไม่ฟิต มาที่นี่ได้รู้เลย แต่พอขาก้าวมาถึงยอดเขาแล้วมันก็หายเหนื่อย วิวก็อย่างรูปที่เห็นล่ะ

2. โพสท่าเก๋ๆ คู่สะพานส้ม ก่อนแวะถ้ำชื่อดัง

วังเวียงมีถ้ำดังๆ หลายถ้ำ แต่ที่นึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ต้อง ถ้ำมอง เดี๋ยวๆ ไม่ใช่แล้ว! “ถ้ำจัง” ครับ ถ้ำจังจะอยู่คู่กับสะพานส้ม ต้องเสียค่าผ่านสะพาน 2,000 กีบ (ประมาณ 8 บาท) จุดนี้มาถึงต้องถ่ายรูป ถ่ายยังไงก็สวย เพราะสีสะพานตัดกับภูเขาและแม่น้ำเขียวๆ มันสวยมากจริงๆ แวะถ่ายรูปให้หนำใจ เดินเข้าไปต่ออีกราวๆ 1 กิโลเมตร จะเป็นทางเข้าขึ้นเขาถ้ำจัง เสียค่าเข้าอีก 15,000 กีบ (ประมาณ 60 บาท) ในถ้ำนี้สว่าง กว้าง ไม่อับ มืด เหมือนถ้ำอื่นๆ มีหินงอก หินย้อยสะท้อนแสงระยิบระยับ สวยทีเดียว และด้านนอกก็มีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปด้วย

3. กินมื้อเย็นริมน้ำซอง

กว่าจะถึงวังเวียงก็ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ มาหาของกินอร่อยๆ ริมน้ำซองกันดีกว่า “ซอง” เป็นแม่น้ำสายหลักของวังเวียง และยังเป็นที่ทำกิจกรรมทางน้ำสุดมันส์อีกเพียบ ค่ำๆ แนะนำให้เอาตัวเองมาปล่อยไว้ที่นี่ ซึ่งมีร้านอาหารเปิดทั้ง 2 ข้างทาง มาฟังเสียงน้ำไหล แช่เท้าไปพลางๆ ระหว่างรออาหารมา น้ำเย็นๆ ที่นี่ทำเอาขาล้าๆ หายเมื่อยไปได้เลย

*อย่าลืมสั่งตำบักหุ่ง กับเครื่องดื่มเย็นๆ รับรองว่าเด็ด

4. ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวให้ครบ

ในเมืองวังเวียงไม่ใหญ่มาก จะเป็นที่พัก เป็นร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวจริงๆ จะอยู่รอบนอก ถ้ามากันหลายคนจ้างรถสองแถวออกมาคุ้มกว่า แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศ เช่ามอเตอร์ไซค์หรือ ATV จากในเมืองขับออกมากินลมชมวิวเองก็ได้ อิสระด้วย มีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ รถ ATV ทั่วเมือง เยอะพอๆ กับร้านขายโรตี มีรถหลายรุ่น หลายเรทราคา (เฉลี่ยเป็นเลขกลมๆ ประมาณ 200 -300 บาท/วัน/คัน) เดินเทียบราคาก่อนตัดสินใจก็ได้ไม่ว่ากัน เช่ารถเสร็จแล้วก็เช็คอินแหล่งท่องเที่ยวด้านนอกให้ครบ ทั้ง บลูลากูน ถ้ำน้ำ ถ้ำจัง ผาเงิน ฯลฯ (คำเตือน! ถนนหลายๆ ช่วงยังเป็นลูกรังอยู่ ขี่ผ่านที ตับไตจะพัง ต้องขับมอเตอร์ไซค์แข็งพอสมควร อย่าลืมผ้าปิดจมูกด้วยครับ)

5. พายคายัควัดความฟิต

เป็นไฮไลท์ของการมาวังเวียงเลยก็ว่าได้ กิจกรรมทางน้ำจะมี 2 อย่างที่ฮิตมากๆ ก็คือ พายคายัคกับล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำซอง ใครสายลุยก็คว้าไม้พาย ใครสายชิลก็คว้าห่วงยาง สนใจอันไหนติดต่อที่พักได้เลย ส่วนใหญ่เขามีดีลกับเอเจนซี่ทัวร์ไว้แล้ว อย่างแอดมินเองก็ซื้อ 1 Day Trip จากที่พัก พอถึงวันจริงจะมีรถมารับถึงหน้าที่พัก รันไปตามกิจกรรมที่ซื้อไว้ ถ้าซื้อน้อยระยะทางก็ไกลขึ้น (เพื่อให้มันเต็มวัน) แอดมินโดนพาไปปล่อยที่ 8 กิโล กล้ามแขนขึ้นเป็นมัดๆ บอกเลยว่าสองข้างทางโคตรสวย ไกด์บอกว่าหน้าหนาวน้ำน้อย (ลงไปยืนได้) แต่วิวสวย แต่ถ้าอยากได้มันส์ๆ ต้องมาหน้าฝน

*หมายเหตุ ไกด์จะเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าและมัดไว้กับเรือ ถ้าอยากได้รูปตอนเล่นน้ำ แนะนำเป็นพวกกล้องตัวเล็กๆ ใส่เคสกันน้ำให้เรียบร้อย อยากเอามือถือถ่ายรูปก็อดนะครับ

6. กินโรตีให้ครบทุกหน้า

เมนูที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่นึกถึงทีไร น้ำลายจะไหลทุกที โรตีหรือที่คนวังเวียงเรียกว่าแพนเค้ก จะไม่เหมือนโรตีบ้านเราซะทีเดียว มีไส้ที่มีให้เลือกจนงงไปหมด ทั้งกล้วย ช็อกโกแลต มะม่วง ไข่ เนยถั่ว สับปะรด น้ำผึ้ง เมนูหน้าร้านใหญ่อย่างกับป้ายขายบ้าน ตัดสินใจให้ได้ว่าอยากกินไส้อะไรแล้วค่อยสั่ง อย่าสั่งหลายแผ่นตามใจปาก เพราะมันจะจุก! นี่เตือนแล้วนะ 55555 พิกัดร้าน มีอยู่ทั่วเมือง เจอทุกๆ 50 เมตร หาง่ายกว่ามินิมาร์ท ซื้อร้านไหนก็ได้ รสชาติเหมือนกันหมด ราคาประมาณ 40-60 บาทไทย

7. กระโดดน้ำที่บลูลากูน

คนไทยไปเที่ยวบลูลากูนเยอะมากๆ เลยหาข้อมูล จนได้รู้ว่ามีบลูลากูนอีกที่นึง เรียกว่าบลูลากูน 3 คนยังไม่ค่อยรู้จักแต่สวยเหมือนกัน ทั้ง 2 ที่ก็จะคล้ายๆ กัน น้ำจะเขียวๆ ใสๆ โดดน้ำกันตูมตาม แต่บลูลากูน 3 จะไกลกว่ามากๆ แถมถนนก็เข้าขั้นแย่กับชีวิตมาก 5555 ที่ยอมมาเพราะคนน้อยกว่านะเนี่ย บลูลากูน 3 ไม่ได้มีต้นไม้ให้โดดน้ำที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนบลูลากูน 1 แต่สายโดดก็ยังโดดได้เต็มที่ เพราะมีสลิงโหน มันส์ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีแพไม้ให้พายเล่นด้วย

8. สูดอากาศยามเช้า

อยู่วังเวียงใครนอนดึกตื่นสายถือว่าพลาดนะครับ ควรนอนแต่หัวค่ำ แล้วตื่นเช้ามาสูดอออกซิเจนให้เต็มปอดดีกว่า แถมยังได้มาดูด้วยว่าตอนเช้าคนที่นี่กินอะไร ทำอะไร ใช้ชีวิตอยู่กันยังไง อย่างสะพานที่นักท่องเที่ยวมาดูวิวกันตอนกลางคืน ยามเช้าที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตของชาวบ้าน นุ่งผ้าถุงไปตลาด ปั่นจักรยาน เป็นความสโลวไลฟ์ที่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก บางทีชีวิตเราก็อยากมีโมเม้นท์แบบนี้บ้างเนอะ

9. Night Life ที่ Sakura Bar

ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็พูดถึงซากุระบาร์ เพราะที่นี่งานดีจริงๆ หมายถึงคอนเซปท์ร้านเขาดีจริงๆ ! คือ เปิดเพลงดี ทำเลดี สไตล์ร้านก็ไม่ได้มีความหรูหรา แอบฮิปสเตอร์เบาๆ ในร้านจะมีโซนปาร์ตี้ ตกดึกหน่อย แทบจะไม่เหลือที่ว่างให้เดินเลย จะเรียกว่าเป็นผับนานาชาติก็ได้ จัดเต็มทั้งฝรั่ง ทั้งเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลี นี่งงมากว่าทำไมคอเคล็ด 55555 เรียกว่าเป็นร้านดังที่สายปาร์ตี้มาแล้วต้องแวะทุกคน

เอาจริงนะทุกที่เสน่ห์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป ซึ่งจริงๆ แล้วที่วังเวียงยังมีอีกหลายสถานที่เที่ยว ของกินอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เพียงแค่พูดถึงสิ่งที่เราประทับใจและได้ไปพบเจอมา ใครอยากรู้ว่ามีอะไรอีกบ้าง ให้ออกเดินทางไปเที่ยวกันนะครับ เพราะนอกจากจะได้ เจออะไรใหม่ๆ ประสบการณ์ เพื่อน และเรายังได้ความสุขกลับมาอีกด้วย ไปเที่ยวกันนะครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่รอให้เราไปค้นพบกับตัวเอง ขอให้มีความสุขกับทุกทริปที่ออกเดินทาง 🙂 #เจอกันระหว่างทางที่ไหนซักที่
…………………………………….