ภูบักได ไปนั่งห้อยขา...ชมวิว

น้าหนาว กับที่เที่ยวสุดฟิน สำหรับทีมภูเขา ทีม หลงรัก “ เขา ” อย่างเรา☺

“ เลย ” เป็นอีกจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก จากที่เราเคยไปภูป่าเปาะ ที่หนองหิน ไปภูทอกที่ เชียงคานมาแล้ว วันนี้มาถึงคิวของ “ ภูบักได ” ที่อำเภอภูเรือกันบ้าง

“ ภูบักได ” อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ครอบคลุมพื้นที่อำเภอวังสะพุง, อำเภอภูเรือ, อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาใหญ่ ความสูงประมาณ 400 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มียอดสูงที่สุดของภูหลวง ความสูงประมาณ 1,571 เมตร

เริ่มต้นทริปกันทริปนี้กะเวลาผิด เลยไม่ได้นอนค้างคืนข้างบน อดดูหมอกตอนเช้า เพราะถ้าค้างคืนต้องไปถึงก่อน บ่าย 3 โมง ค่าบริการ 3,000 บาท/คัน นั่งได้ 6 คน ค้างบนภู 1 คืน สำหรับใครที่ไม่ค้างคืนแบบไป-กลับ ค่าบริการ 2,000 บาท/คัน นั่งได้ 6 คน ติดต่อที่กำนันเชิดได้เลย เริ่มด้วยไปถึงชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลปลาบ่า ประมาณ 05.30 น.เข้าห้องน้ำเตรียมของ สิ่งที่ต้องเตรียม น้ำดื่ม ลูกอม รองเท้าและถุงเท้ากันทาก และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับสายเขา “ยูนิเรน สเปรย์” ยาพ่นแก้ปวดกล้ามเนื้อ เผื่อเวลาเดินนานๆ เกิดเดินแล้วปวดขาขึ้นมาบอกเลยว่าจำเป็นจริงๆ

เพราะทริปนี้เราใช้เวลาเดินทางไปกลับ ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง นั่งรถอีแต๊กขึ้นลงเขา ไปประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินจากจุดจอดรถไปถึงผาประมาณชั่วโมงนิดๆ เดินกลับมาขึ้นรถอีกชั่วโมงนิด ช่วงแรกจากจุดจอดรถจะต้องขึ้นเขาไปช่วงหนึ่ง แอบชั้นนิดๆ เมื่อขึ้นไปสุดแล้วก็เดินต่อไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร เขาประมาณ 3 ลูกย่อมๆ เลย ดีที่แบกแค่น้ำ 1 ขวด กล้อง และ “ยูนิเรน สเปรย์” ที่เหลือข้าวเช้ากับขนม พี่คนขับช่วยแบกให้ และดีที่ยูนิเรน สเปรย์ขวดเล็กพกพาง่าย ไม่งั้นได้ทิ้งแน่ เหนื่อยมากๆ เพราะเดินแบบแทบไม่หยุดเดินเลย ถ้าหยุดทากรุมแน่นอน ทากเยอะมากจริงๆ

ช่วงที่เราขึ้นไปเป็นช่วงเช้า อากาศชื้นน้ำค้างเต็มยอดหญ้าถึงขั้นร้องเท้าเปียกกันเลยทีเดียว ระหว่างทางเราได้เจอกับวัว เป็นวัวของชาวบ้านที่นำมาเลี้ยงไว้บนเขา ได้เจอกับขี้ช้างและรอยเท้าช้างตามทางเป็นระยะๆ

แต่ระหว่างทางมีแอบแวะถ่ายรูป แถวลานฟ้าผ่า และลานหญ้าก่อนถึงจุดกางเต๊นท์ พอถึงบริเวณผาสิ่งแรกที่เราทำคือ หยิบยูนิเรน สเปรย์แก้ปวดออกมาฉีดพ่นเพราะปวดน่องมาก พ่นไปแปบเดียว รู้สึกเย็นและอาการจะค่อยๆ เบาลง

จากนั้นเราก็เดินถ่ายรูป มาให้ชมกัน สวยมากๆ ถึงแม้เราจะมาไม่ทันดูหมอกก็ตาม จุดไฮไลท์ของที่นี่ คือ “ ผาหลอกลวง ” เป็นหินผายื่นออกไปจากพื้นดิน แต่ไม่ได้น่ากลัวเพราะด้านล่างเป็นพื้นยืนถึง เค้าถึงเรียกกันว่า “ ผาหลอกลวง ”

กินข้าวเช้ากัน แล้วก็ถ่ายรูปต่อ

แล้วก็เตรียมตัวเดินกลับ รู้สึกได้ว่าพอฉีดพ่นยูนิเรน สเปรย์แล้วทากไม่ค่อยมาเกาะดี เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ เดินลงมาถึงจุดจอดรถอีแต๊ก แล้วนั่งรถอีแต๊กขึ้นเขาลงเขาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง บอกได้แค่ว่ารถโยกมากจริงๆ บางช่วงโยกมากจนตัวลอยกันเลยทีเดียว แต่ก็เป็นทริปที่ทั้งเหนื่อยและสนุกมากด้วยจริงๆ

ลืมบอกไประหว่างทางที่นั่งรถอีแต๊กจะมีจุดกางเต็นท์ด้านล่าง ให้เราแวะเข้าห้องน้ำที่จุดนี้ให้เรียบร้อยก่อนเดินทางต่อเพราะด้านบนไม่มีห้องน้ำให้เข้า กลับมาจากทริปนี้บอกได้คำเดียวปวดร้าวไปทั้งตัว ดีที่เราพก “ยูนิเรน สเปรย์” ไว้เป็น “ ยาสามัญประจำเป้ ” ที่ขาดไม่ได้ไม่งั้นปวดขา อีกวันไปทำงานไม่ไหวแน่ ดีตรงเป็นสเปรย์ด้วยทำให้ใช้ง่าย ได้ผลเร็วเพราะตัวยาซึมซับไว เวลาเราปวดตรงไหน แค่เราหยิบขึ้นมาฉีดพ่นบริเวณที่ปวดหรือมีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ซักพักก็รู้สึกเย็นและอาการจะค่อยๆ เบาลง แถมขวดเล็กไม่เปลืองเนื้อที่กระเป๋าเลย และที่สำคัญช่วยบรรเทาปวดได้ดี แนะนำเลยสำหรับคนที่ชอบเที่ยวลุยๆ ควรพกติดตัวไว้อุ่นใจตลอดทริป หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ราคาประมาณ 180-250฿ (ราคาขึ้นอยู่แต่ร้านครับ)

สำหรับทริปนี้เป็นทริป “ ภูบักได ” แบบไป-กลับ มีโอกาสจะขึ้นไปนอนค้างรอดูทางช้างเผือกกับทะเลหมอกสักครั้งแน่นอน ต้องสวยมากแน่ๆ ใครไปเที่ยวภูเรือลองหาโอกาสไปเที่ยว “ ภูบักได ” ดู เป็นอีกสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับนักเดินป่า และคนที่ชอบถ่ายรูป รับรองไม่ผิดหวัง ☺