ทุกคนยังจำช่วงเวลาแห่งความสุขของตัวเองได้หรือเปล่า มีความสุขครั้งล่าสุดตอนไหน ได้ออกไปพักผ่อนล่าสุดตอนไหน และได้ออกไปเที่ยวล่าสุดเมื่อไหร่ ตอนไหนกัน ที่ได้พักผ่อนออกเที่ยวอย่างมีความสุข เวลาหมุนไปเรื่อยๆ ทุกอย่างรอบตัวหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลาทริปนี้เราพาไปตามล่าเวลาแห่งความสุขกับ Huawei Watch Fit กันที่ “กาญจนบุรี” ย้อนเวลาไปชมทางรถไฟสายมรณะ นั่งรถไฟย้อนบรรยากาศสุดคลาสสิค ชมต้นไม้ที่อายุมากกว่า 100 ปี ที่ยิ่งกาลเวลาผ่านไปก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วย้อนเวลากลับมาในโลกยุคปัจจุบันกับการแวะชิลคาเฟ่ชิคๆ ตกเย็นแวะถ่ายรูปกับวิวสุดอลังการวัดถ้ำเสือ นอนพักบรรยากาศสุดชิลริมน้ำ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทริปนี้เราได้ลองใช้นาฬิกา “Huawei Watch Fit” นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของ “Huawei” ที่มาพร้อมหน้าจอ 1.64 นิ้ว ช่วยให้เราดูเวลาง่ายขึ้น พร้อมหน้าสัมผัส AMOLED รองรับการเลื่อนและการสัมผัสแค่ปลายน้ำ ใช้งานง่าย กันน้ำได้ถึง50 เมตร มีให้เลือก 4 สี คือ สีดำ สีเขียว สีชมพู และสีส้ม น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ใส่แล้วเท่ กับราคาที่เข้าถึงได้ 3,499.- เท่านั้น
และไม่ต้องกังวลว่าใช้นาฬิกา “Huawei Watch Fit” แล้วต้องซื้อมือถือใหม่ เพราะ “Huawei Watch Fit” ใช้งานง่ายแค่เชื่อมต่อผ่าน App “Huawei Health” ก็ใช้งานได้แล้ว
นอกจากช่วยบอกเวลาแล้ว ยังประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้อีกด้วย เพราะสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจเราได้ด้วย ตรวจจับออกซิเจนในเลือด รองรับ GPS มีโหมดออกกำลังกายตรวจจับได้มากกว่า 96 อย่าง ตรวจจับการนอนหลับ ตรวจจับความเครียด มีเซ็นเซอร์ IMU 6 แกน ช่วยให้การตรวจจับต่างๆ มีความแม่นยำสูงอีกด้วย แถมแบตเตอรี่ใช้งานปกติได้ถึง 10 วัน แต่ถ้าใช้งานหนักก็อยู่ได้ถึง 7 วันเลย
พูดมาเยอะแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าเราจะไปที่ไหนแล้ว “Huawei Watch Fit” ใช้งานง่ายแค่ไหน มาดูกันเลย
1. น้ำตกเอราวัณ
เป็นจุดเช็คอินแรกที่เราเลือกไป เป็นสถานที่ที่ไกลที่สุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้ “น้ำตกเอราวัณ” เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่ส่วนตัวคิดว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ เลย ด้วยความใส ความที่มีสีฟ้าของน้ำ เป็นสิ่งจูงใจให้กับหลายๆ คนมาที่นี่ เรียกว่าใครมาเที่ยวกาญจนบุรี ไม่ควรพลาดที่จะมาที่เลยก็ว่าได้ น้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7 ชั้น ใครมีเวลาก็สามารถเดินถึงทุกชั้นได้เลย แต่บอกเลยว่าแค่ชั้น 1-2 ก็สวยมากๆ แล้ว ยิ่งช่วงนี้ยังไม่อนุญาตให้เล่นน้ำ น้ำยิ่งใสสวย มีฝูงปลาแหวกว่าย ใครที่อยากถ่ายรูปน้ำตกตอนโล่งๆ ไม่มีคน ต้องมาเที่ยวช่วงนี้เลย บอกเลยว่าฟินมาก
ปล.ที่อุทยานจะมีเชือกกั้นบางโซนไว้ ไม่ให้เข้าไป ก็ขอให้ทุกคนทำตามกฎนะครับ ไม่ใช่แหกที่กั้นเข้าไปถ่ายรูปกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แฟนเพจ : https://www.facebook.com/Erawan-National-Park-580314699117381/
+ ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ หมู่ 4 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี 71250
+ เปิด : 08:00 – 16:00 น.
+ ค่ารถยนต์ : 30 บ.
+ ค่าเข้า : 100 บ. ต่อคน
วันที่น้ำตกไร้คนเล่นน้ำ สวยมากๆ
ปล.ที่อุทยานจะมีเชือกกั้นบางโซนไว้ ไม่ให้เข้าไป ก็ขอให้ทุกคนทำตามกฎนะครับ ไม่ใช่แหกที่กั้นเข้าไปถ่ายรูปกัน น้ำตกเอราวัณ มีทั้งหมด 7 ชั้น น้ำตกชั้นที่ 1 ห่างจากจุดตรวจประมาณ 500 เมตร มีวิธีการเข้าไป 2 วิธี 1. เดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2. นั่งรถกอล์ฟเข้าไปเที่ยวละ 30 บาท ต่อคน เราเลือกเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เล่นเอาหอบหน่อยๆ แต่พอดูนาฬิกาแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจค่อนข้างปกติเลย นาฬิกา “Huawei Watch Fit” มีฟังชั่นช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจและตรวจจับออกซิเจนในเลือดด้วยนะ ที่นี่เราก็จะรู้ว่าเวลาเราเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกายอัตราการเต้นของหัวใจและออกซิเจนในเลือดเท่าไหร่ สูงหรือต่ำเกินไปหรือเปล่า
น้ำตกสวยมาก น้ำเป็นสีฟ้าเลย
มีน้องปลาเยอะมาก
น้ำใสจนเห็นตัวปลาเลย
นั่งอยู่มุมไหนก็สวย
2. ทางรถไฟสายมรณะ
ทางรถไฟสายมรณะ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด “กาญจนบุรี” กับการนั่งรถไฟชมความสวยงามของเส้นทางช่วงสำคัญที่ฝั่งหนึ่งเป็นภูเขา อีกฝั่งเป็นหน้าผาที่มองเห็นด้านล่างเป็นผืนน้ำ นอกจากความสวยงามและความหวาดเสียวแล้ว เราสามารถเดินไปถ่ายรูปบริเวณรางและ ถ้ำกระแซได้ ภายในบริเวณถ้ำจะมีการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นจุดที่สร้างได้ยากที่สุด ความยาวประมาณ 450 เมตร เป็นการสร้างทางรถไฟที่สูญเสียชีวิตมากที่สุด จนมีคำพูดเปรียบเปรยว่า”หนึ่งไม้หมอน เท่ากับ หนึ่งชีวิต” เลย ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ ให้กราบไหว้สักการะอีกด้วย ทางรถไฟสายมรณะและถ้ำกระแซ เป็นจุดชมวิวที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักที่ใครไปเที่ยว “กาญจนบุรี” ต้องห้ามบอกเลย *สามารถเดินมาถ่ายภาพสวยๆ บริเวณรางรถไฟได้ แต่ต้องระมัดระวังกันด้วยนะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยก กาญจนบุรี
+ เปิด – ปิด : 08.00-18.00น.
บรรยากาศระหว่างทางรถไฟสายมรณะ
ระยะทางรถไฟสายมรณะยาวมาก วิ่งเลาะไปตามริมเขา อีกข้างหนึงเป็นแม่น้ำ
สำหรับใครที่มาเที่ยวทางรถไฟสายมรณะ ลงสถานีถ้ำกระแซ แล้วสามารถเดินมาถ่ายรูปตรงจุดนี้ได้
ภายในถ้ำกระแซ
3.สะพานข้ามแม่น้ำแคว
อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ใครมา “กาญจนบุรี” ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว มาเดินบนทางรถไฟบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งมีระยะทาง 300 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปและจุดชมวิวแม่น้ำแควที่ทางการรถไฟอนุญาตให้เดินบนรางถ่ายรูปสวยๆ กันได้ แต่ก็ต้องระวังรถไฟที่จะผ่านมาด้วยนะ เพราะมีรถไฟใช้เส้นทางผ่านเป็นปกติทุกวัน
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : ต.ท่ามะขาม อ.เมือง กาญจนบุรี
+ เปิด – ปิด : 06.00 – 19.00 น.จังหวะดี เราไปก็มีรถไฟวิ่งผ่านพอดี ดูนาฬิกาที่ข้อมือก็เวลา 4 โมงเย็นนิดๆ
เป็นภาพที่สวยมาก เวลาเราได้ไปเห็นไปสัมผัสบรรยากาศใกล้ๆ
ตรงสะพานข้ามแม่น้ำแคว เวลาที่ไม่มีรถไฟวิ่งเราสามารถเดินไปชมวิว เดินถ่ายรูปได้
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสะพานที่ยังมีรถไฟวิ่งปกติ เราต้องคอยดูเวลารอบรถ เพราะถึงแม้ว่าทางการรถไฟจะให้เดินถ่ายรูปบนรางรถไฟได้แต่ต้องระมัดระวัง และค่อยดูว่ารถไฟจะวิ่งผ่านมาช่วงไหน ซึ่งนาฬิกา “Huawei Watch Fit” จอกว้างถึง 1.64 นิ้ว ดูเวลาง่ายมากๆ ช่วยเราได้ค่อนข้างเยอะเลย ไม่ต้องหยิบมือถือให้วุ่นวาย
นาฬิกา “Huawei Watch Fit” นอกจากหน้าจอกว้างถึง 1.64 นิ้ว และดูเวลาง่ายแล้ว ยังเป็นหน้าจอแบบสัมผัส AMOLED รองรับการเลื่อนและการสัมผัสแค่ปลายนิ้วอีกด้วย
เป็นอีกหนึ่งสะพานที่สวยมากๆ มาเที่ยวกาญจนบุรี ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยว
4. ต้นจามจุรียักษ์
ต้นจามจุรียักษ์ หนึ่งแลนด์มาร์ค ของกาญจนบุรี ต้นจามจุรีอายุมากกว่า 100 ปี ที่มีสะพานไม้รอบต้นจามจุรี เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวไปเหยียบรากของต้นไม้ และจัดสวนหย่อมขนาดเล็กเพื่อปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม บอกเลยว่าต้นใหญ่มากๆ ยักษ์สมชื่อ ให้ร่มเงา แสงตกผ่านตามกิ่งไม้ ถ่ายรูปสวยมากๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : บ้านกสิกรรม หมู่5 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง กาญจนบุรี
+ เปิด – ปิด : 08.30 – 17.00 น
.
ช่วงเวลาบ่ายๆ บรรยากาศที่นี่ดีมาก อย่างชิล เที่ยวมาเกือบทั้งวัน แวะพักสูดอากาศบริสุทธิ์กัน ก็แอบดูนิดว่าวันนี้เดินไปกี่ก้าวแล้ว เพราะนาฬิกา “Huawei Watch Fit” นอกจากช่วยบอกเวลา วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และตรวจจับออกซิเจนในเลือดแล้ว นาฬิกา “Huawei Watch Fit” ยังมีฟังชั่นช่วยนับก้าวว่าแต่ละวันเราเดินไปทั้งหมดกี่ก้าวอีกด้วย
เราสามารถเดินเล่นเดินถ่ายรูป รอบๆ ต้นจามจุรีย์ได้เลย
เป็นต้นจามจุรียักษ์ ที่ใหญ่มากๆ
5. The attic
“The Arttic” เป็นคาเฟ่ดีไซน์ทรงสามเหลี่ยม มองจากด้านนอกก็น่าสนใจมาก พอได้เข้าไปในร้านต้องบอกเลยว่าสวยมาก ร้านคุมโทนเขียวขาว มีที่นั่งให้เลือกเยอะมาก มีมุมบาร์นั่งตรงข้ามเคาท์เตอร์ทางเข้า พอเดินเข้ามาอีกจะเจอมุมโต๊ะนั่งฝั่งกระจก และหลังคากระจก แสงตกเป็นมุมถ่ายรูปดีมาก และมุมเบาะนั่ง Bean Bag ใต้หลังคา เหมือนมานั่งเม้าส์กับเพื่อนในห้องใต้หลังคามาก และยังมีที่นั่งด้านนอกให้อีกด้วย ภายในร้านตกแต่งด้วยต้นไม้ฟอกอากาศเขียวๆ ดูคลีนๆสบายตามาก มุมถ่ายรูปนอกร้านนั่งห้อยขาตรงช่องหลังคา เป็นมุมไฮไลท์ที่ใครมาที่นี่ต้องห้ามพลาดมุมนี้ ส่วนวิวด้านนอกมองเห็นทิวเขาสวย เป็นคาเฟ่ที่สายมินิมอลห้ามพลาดบอกเลย
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แฟนเพจ : www.facebook.com/theattickan
+ ที่ตั้ง : the attic 83/1 ท่าล้อ ท่าม่วง กาญจนบุรี เทศบาลเมืองกาญจนบุรี 71000
+ โทร : 062 560 8003
+ เปิด – ปิด : 09.00 – 18.00 น บรรยากาศภายในคาเฟ่ The Attic ดูน้อยลง
เที่ยวมาเหนื่อยๆ ก็มาแวะดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ The Attic
ที่ The Attic มีเมนูให้เลือกเยอะมาก ทั้งเครื่องดื่มและ
รอบๆ ร้านมีมุมให้ถ่ายรูป
มุมหน้าร้านก็ถ่ายรูปได้
6. BaanBam บ้านแบม Cafe & Bistro
ร้านเล็กๆ น่ารักสีขาวที่ตั้งอยู่ริมทาง เราขับรถผ่านก็ต้องรีบเลี้ยวเข้ามาว่าคือร้านอะไรทำไมน่ารักจัง “BaanBam บ้านแบม Cafe & Bistro” ร้านอาหารและคาเฟ่ ด้านในร้านสีขาว เฟอนิเจอร์ไม้ พร็อบแน่นๆ ด้านนอกตกแต่งด้วยกระบองเพชร มินิมอลมาก ที่นั่งมีทั้งอินดอร์ และ เอ้าท์ดอร์ เครื่องดื่มรสชาติดี มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ มาแล้วได้รูปกับไปเพียบแน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แฟนเพจ : www.facebook.com/baanbamcafe/
+ ที่ตั้ง : BaanBam บ้านแบม Cafe & Bistro ใหม่ 171 ถนน แสงชูโต ตำบล ตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา กาญจนบุรี 71130
+ เปิด – ปิด : 09.00-20.00 น. (ปิดวันอังคาร) ร้านน่ารักมาก มีมุมถ่ายรูปเพียบ
เมนูเครื่องดื่มก็น่ากินอยู่นะ
ใครไม่อยากนั่งในห้องแอร์ก็ มีบริเวณนั่งด้านนอก
มุมนี้ก็ถ่ายรูปสวยย
มีโซนให้นั่งด้านนอก ดีงาม
7. วัดถ้ำเสือ
ตกเย็นเราไปถ่ายรูปแสงเย็นที่วัดถ้ำเสือกัน “วัดถ้ำเสือ” ตั้งอยู่บนยอดเขา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จุดเด่นเลยคือ หลวงพ่อชินประทานพร พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี องค์พระมีสีทองอร่าม พระอุโบสถอัฏฐมุขไทย ลวดลายสวยงาม และยังมีเจย์ดีเกษแก้วมหาประสาท เป็นเจย์ดีทรงแปดเหลี่ยม สูงถึง 69 เมตร และกว้างถึง 29 เมตร ทางขึ้นวัดคือมีบันไดให้เดินขึ้นถึง 158 ขั้น ออกกำลังกายเบาๆ ถ้าใครขึ้นไม่ไหวหรือพาพ่อแม่ผู้สูงอายุไปด้วยก็มีบริการรถรางด้วย 10 บ. เท่านั้น ด้านบนลมพัดเย็นๆ วิวก็สวยวัดก็สวยมากอีกด้วย ใครที่มากาญจนบุรีอย่าลืมมากราบไหว้ขอพรกันได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ ที่ตั้ง : วัดถ้ำเสือ ต.ท่าม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
+ เปิด – ปิด : 08.00 – 18.00 นเป็นอีกหนึงวัดที่สวยมากๆ
เราสามารถเดินขึ้นเจดีย์ เพื่อถ่ายภาพหรือชมวิวมุมนี้ได้ สวยมากๆ ยิ่งช่วงมีนาข้าว
ใครจะมาเที่ยวแนะนำให้มาตอนเช้า หรือช่วงเย็นๆ สามารถชมวิวได้จากมุมไกลๆ บรรยากาศดี ไม่ร้อนมาก
ใครจะมาเที่ยวแนะนำให้มาตอนเช้า หรือช่วงเย็นๆ สามารถชมวิวได้จากมุมไกลๆ บรรยากาศดี ไม่ร้อนมาก
8. X2 River Kwai Resort
รีสอร์ทหรูสุดเก๋ริมแม่น้ำแควน้อย อยู่ตรงโค้งน้ำ วิวสวยมาก ห้องออกแบบเป็นสัดส่วน แนวคิดจากจังหวัดกาญจนบุรีที่มี สะพานข้ามแม่น้ำแคว และตู้คอนเทนเนอร์ นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง มีเรือคายัดให้พาย ห้องน่ารัก บรรยากาศดี เงียบสงบ วิวสวย และโรแมนติกมาก มีอาหารเช้าทำร้อนๆจานต่อจาน สิ่งอำนวยความสะดวกครบ * มีโซนใหม่กำลังจะเปิดบอกเลยว่าสวยไม่แพ้โซนอื่นแน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติม
+ แฟนเพจ : www.facebook.com/X2riverkwairesort
+ ที่ตั้ง : 138 Moo 4, Nongya, Muang เทศบาลเมืองกาญจนบุรี 71000
+โทร : 034 552 124 ที่พักมีทั้งแบบแพริมน้ำและแบบเป็นห้องอยู่บนบก
ถ้าเป็นแพริมน้ำ จะมีเรือคายัค เปลให้นั่ง นอนชิล ชมวิวได้
ถ้าเป็นโซนห้องพักด้านบนก็จะเห็นวิวแม่น้ำประมาณนี้
ภายในห้องพักที่เป็นแบบแพริมน้ำ นอนชมวิวแม่น้ำ ฟินเว่อร์
นอกจาก ดูเวลาง่าย วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับออกซิเจนในเลือด รองรับ GPS กันน้ำได้ ตรวจจับการออกกำลังกาย ตรวจจับการนอนหลับ ตรวจจับความเครียด และใช้งานง่ายแล้ว นาฬิกา “Huawei Watch Fit ” ยังสามารถตั้งปลุกได้อีกด้วย เป็นนาฬิกาที่มีครบในเครื่องเดียวแถมราคาเพียง 3,499.- เท่านั้น แล้วจะรออะไรกันรีบไปจับจองเป็นเจ้าของ แล้ว นาฬิกา “Huawei Watch Fit ” กันเร็ว
ตื่นเช้ามาก็มาอาบน้ำแปลงฟัน แช่อ่างได้บรรยากาศแบบส่วนตัวมากๆ
บรรยากาศรอบที่พัก ดีงาม
บริเวณหน้าที่พักแบบแพ นอนชิลดูวิวได้สบายๆ
อาหารเช้าดีงาม
บอกเลยว่า “กาญจนบุรี” มีช่วงเวลาแห่งความสุขให้เราเก็บเกี่ยวเยอะมากๆ ทั้งวัดที่สวย ต้นไม้ยักษ์ คาเฟ่ชิค ทั้งการนั่งรถไฟเล่นชิลๆ ปล่อยใจไปกับวิว สายลม และกาลเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ หัวใจเต้นแรงไปกับความสวยงามและความเป็นมาของทางรถไฟสายมรณะที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่เราไปมากขึ้น และนาฬิกา Huawei Watch Fit ที่นอกจากใส่เท่ๆ คูลๆ แล้วสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจเราได้ด้วย ตรวจจับออกซิเจนในเลือด รองรับ GPS แถมจอกว้างถึง 1.64 นิ้ว ดูเวลาง่ายมากๆ กันน้ำได้ถึง50 เมตร แล้วมีหน้าปัดให้เลือกถึง 12 แบบ ปรับแต่งตามความชอบได้เลย มีโหมดออกกำลังกายตรวจจับได้มากกว่า 96 อย่าง ตรวจจับการนอนหลับ ตรวจจับความเครียด มีเซ็นเซอร์ IMU 6 แกน ช่วยให้การตรวจจับต่างๆ มีความแม่นยำสูงอีกด้วย แบตเตอรี่ใช้งานปกติได้ถึง 10 วัน แต่ถ้าใช้งานหนักก็อยู่ได้ถึง 7 วันเลย อึดมากๆ มีให้เลือก 4 สี คือ สีดำ สีเขียว สีชมพู และสีส้ม ใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ใส่ออกเที่ยวถ่ายรูปก็เท่ แถมดูเวลาได้ง่ายอีกด้วยเพียง 3,499.- ก็ได้ไปเที่ยวพร้อมนาฬิกาสวยๆ ที่คอยบอกเวลาและช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าจดจำอีกด้วย
รีวิวบนแฟนเพจ : Roadtrip 8 จุด…อยากหยุดเวลาไว้ที่กาญจนบุรี
#HuaweiWatchFit #HuaweiHealth #Huawei #X2RiverKwaiResort #Lakeviewcafé #TheAttic #BaanBamCafe #กาญจนบุรี #รีวิวกาญจนบุรี #ที่เที่ยวกาญจนบุรี #ถ้ำกระแซ #ทางรถไฟสายมรณะ #สะพานข้ามแม่น้ำแคว #วัดถ้ำเสือ #น้ำตกเอราวัณ #ต้นจามจุรียักษ์ #คาเฟ่กาญจนบุรี #ร้านน่านั่งกาญจนบุรี